วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การเลือกที่อยู่อาศัยอย่างไรให้เหมาะกับคุณ

การเลือกที่อยู่อาศัย ให้เหมาะสมกับคุณ


 สำหรับในบ้านเมืองเรา ประเภทของที่อยู่อาศัยมีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร ได้ตามงบประมาณที่มีอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด รวมไปถึงประเภทของคอนโดใหม่ บ้านมือสอง  ถือว่าเพียงพอแล้ว เพื่อรองรับกับจำนวนของประชากรภายในประเทศ ตลอดจนชาวต่างชาติที่เข้ามา ทำงาน และอยู่อาศัย  เมื่อคุณต้องการที่จะซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมจึงต้องพยายามและพิจารณาในรายละเอียดให้รอบด้าน 

ซื้อบ้าน / คอนโด
    การเลือกที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะสามารถช่วยให้คุณได้ที่พักอาศัยที่ต้องการในราคาที่ดี ก่อนซื้อหรือเช่าบ้าน คุณจึงต้องพิจารณาปัจจัยเหตุลผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่ตั้ง งบประมาณ ประเภทที่อยู่อาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวก

ประเภทของที่อยู่อาศัย 
1.บ้านเดี่ยว(Single-Family Homes) เป็นแบบบ้านที่อยู่อาศัยที่มีคนส่วนใหญ่นิยมมากที่สุด ลักษณะเป็นบ้านที่ตั้งอยู่เดี่ยวๆมีเนื้อที่กว้างขวางและรั้วรอบขอบชิด ทำให้ผู้อยู่อาศัยนั้นได้บรรยากาศของความเป็นส่วนตัว และห่างไกลจากการรบกวนจากเสียงของเพื่อนบ้าน บ้านชนิดนี้ปกติแล้จะมีขนาดใหญ่และเล็กแตกต่างกัน สามารถจัดตกแต่งได้ในรูปแบบ ต่างๆ ตามฐานะและรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ
  2. อาคารพาณิชย์หรือตึกแถว(Shop Houses) เป็นแบบบ้านอีกลักษณะหนื่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแถบชุมชนเมือง เพราะ นอกจากจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้แล้ว ยังสามารถดัดแปลงให้เป็นสถานที่ทำการค้าขาย หรือประกอบธุรกิจอื่นได้ด้วย อาคารแบบนี้มักจะมีเนื้อที่แคบจึงนิยมก่อสร้างไว้หลายๆชั้น
  3. ทาวน์เฮาส์(Town house) เป็นบ้านที่มีลักษณะเหมือนกับตึกแถว บ้านประเภทนี้มักจะตั้งอยู่ในเมือง ซึ่งต่างกับตึกแถวตรงที่มีบริเวณหน้าบ้าน สามารถจัดเป็นสวนขนาดย่อมๆ และจอดรถได้ ทาวน์เฮ้าส์ ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบ 2-3 ชั้นใช้เนื้อที่ค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นที่ในชุมชนเมืองและมีราคาแพง
4. แฟลต หรืออาพาร์ตเม้นต์ (Flat or Apartment) เป็นที่อยู่อาศัยที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับอาคารพาณิชย์ คือ มีหลายๆชั้น แบ่งออกเป็นหลายยูนิตวัตถุประสงค์เพื่อให้เช่าปกติแล้วที่อยู่อาศัยแบบนี้ ค่าเช่ามักจะสูง เพราะตั้งอยู่ในทำเลดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆความปลอดภัยครบ
  5. คอนโดมิเนียม / คอนโด (Condominium) หรืออาคารชุด เป็นอาคารที่มีหลายชั้น โดยแต่ละชั้นแบ่งเป็นห้องชุดจำนวนมาก ซึ่งภายในของห้อง ประกอบด้วยห้องนอน ห้องรับแขก ห้องนำ ฯลฯ อาคารห้องชุดแต่ละแห่งมักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนโดยทั่วไปแล้วอาคารชุดจะ ตั้งอยู่ในกลางเมืองหรือในที่ชุมชนที่มีการคมนาคมที่สะดวก อาคารชุดนั้นมีหลายประเภท ทั้งประเภทที่อยู่อาศัย (Residential Condominium)และประเภทสำนักงาน(Office Condominium)ผู้ซื้ออาคารชุดจะมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของอาคารชุดของตนและมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินส่วนกลาง อันได้แก่ ห้องโถง ที่จอดรถ ลิฟต์ สนาม และทางเดิน เป็นต้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางผู้เป็นเจ้าของอาคารชุดจึงต้อง ร่วมกันรับผิดชอบ

   โดยหลักแล้ว การเลือกประเภทของที่อยู่อาศัย นอกจากจะดูจำนวนเงินที่คุณมีแล้ว ควรอย่างยิ่งที่คุณจะพิจารณาถึงภาพรวมของสิ่งปลูกสร้างที่คุณต้องการจะซื้อ เช่น ดูว่าอยู่ใกล้โรงเรียน คลินิก ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต แหล่งนันทนาการ และมีเครือข่ายคมนาคมที่สะดวก

ทำเลที่ตั้ง
   ทำเลของที่อยู่อาศัย ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องพิจารณาก่อนซื้อหรือเช่าบ้านสักหลัง คุณจะต้องพิจารณาปัจจัยด้านต่างๆที่สะดวกและเหมาะสมกับความต้องการของคุณและครอบครัวมากที่สุด สิ่งที่ต้องคำนึงถึงนั้น มีตั้งแต่ ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงาน โรงเรียนของลูกคุณ แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ถนน และความสะดวกในการเดินทาง

สิ่งอำนวยความสะดวก 
   สิ่งอำนวยความสะดวกในละแวกบ้านนั้น ก็เป็นสิ่งที่คุณควรจะคำนึงถึง โครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมากจะจัดสรรสาธารณูปโภค ระดับเวิร์ลด์คลาส ไว้ให้บริการของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และสวนสาธารณะ สิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านความบันเทิงและนันทนาการต่างๆ ถ้าหากโครงการนั้นๆ มีสถานีรถไฟใต้ดินหรือรถเมล์อยู่ด้วยก็ควรจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

ราคา 
   ผู้ซื้อก็ต้องกำหนดงบประมาณที่จะใช้ลงทุนในเรื่องที่อยู่อาศัย งบที่คุณตั้งไว้นั้น ถ้าหากคุณเป็นคนที่เก็บเงินเก่งและคิดจะซื้อบ้านด้วยเงินตนเองโดยที่ไม่ต้องกู้สินเชื่อจากธนาคารเลย นั่นก็ดีมากสำหรับคุณจะไม่ต้องมีภาระหนี้สินผูกพัน แต่ถ้าหากคุณมีเงินก้อน แต่ไม่พอที่จะซื้อบ้าน ธนาคารก็มีแพคเกจดี ๆ ไว้คอยบริการคุณ ในอัตราดอกเบี้ยหลายแบบและจำนวนของการผ่อนชำระก็ยาวถึง 30 ปี  ฉะนั้น การที่คุณจะตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย คุณก็ควรจะรู้ว่าความสามารถในการซื้อและผ่อนชำระของคุณมีมากน้อยแค่ไหนก่อน จึงจะหาความเหมาะสมในการเริ่มเลือกที่พัก หากงบที่มีสูงมาก คุณอาจจะเลือกที่อยู่อาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่มากขึ้นได้ เช่น มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ และสนามเทนนิส

แหล่งข้อมูล (นายหน้า ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ โบรกเกอร์)
   ที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือที่เราเรียกว่าโบรกเกอร์ และนายหน้าในเมืองไทยนั้น มีสมาคมนายหน้าของอสังหาริมทรัพย์ (REBA) ไว้คอยบริการ โดยที่โบรกเกอร์เหล่านี้ จะสามารถช่วยให้ปัญหายุ่งยากต่างๆ ในการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้คุณยังประหยัดเวลาและเงินในการเลือกที่พักอาศัยที่ต้องการได้ด้วย ผู้ให้คำปรึกษาเหล่านี้จะสามารถตอบสนองในความต้องการของผู้ซื้อแต่ละรายได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติควรทำ
   หลังจากระบุงบ ทำเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องการได้แล้ว ผู้ซื้อชาวต่างชาตินั้นสามารถขอคำปรึกษาจากนายหน้าหรือโบรกเกอร์ต่างๆที่น่าเชื่อถือ เพื่อจะเลือกที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมมากที่สุด จากนั้นจึงประเมินค่าของสินทรัพย์ในการขอสินเชื่อ ธนาคารและแหล่งสถาบันทางการเงินจำนวนมากให้สินเชื่อกับชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสม จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการทำเอกสารการซื้อขายต่างๆ โดยผู้ซื้อนั้น สามารถขอตรวจสอบที่พักอาศัยก่อนที่จะเซ็นต์รับได้ด้วย

สรุป
   เศรษฐกิจที่เฟื่องฟูและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวของไทยส่งผลให้เกิดความต้องการด้านที่อยู่อาศัยในหมู่ผู้ซื้อ ทั้งชาวไทยและผู้ซื้อชาวต่างชาติ ก็สามารถซื้อหรือเช่าที่พักได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากทำตามแนวทางหาที่พักที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้ซื้อควรพิจารณาเคล็ดลับและแนวทางหาที่พักเหล่านี้ให้รอบคอบเพื่อหาที่พักอาศัยที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เจาะลึก 8 กลยุทธ์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ฮ็อตฮิตของโลก

กลยุทธ์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ฮ็อตฮิตของโลก

คนส่วนใหญ่เมื่อคิดจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กัน มักจะเข้าใจว่ากลยุทธ์การลงทุน จะมีเพียงแค่ซื้อมาแล้วขายไป หรือไม่เช่นนั้น ก็ซื้อเพื่อนำมาให้ลูกค้าเช่าเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกใช้กันอยู่นั้น กลับมีอยู่มากมาย หลากหลายวิธี กว่าที่รับรู้กันมาก ซึ่งเฉพาะในแบบที่สามารถประยุกต์ใช้ในบ้านเราได้นั้น ก็มีอยู่ถึง 8 กลยุทธ์ด้วยกัน ซึ่งกลยุทธ์แต่ละแบบ มีแนวคิด วิธีการจะเป็นอยางไร และเหมาะจะนำมาใช้เมื่อไหร่ ตอนไหน และในโอกาสนี้ ขอนำมาเจาะลึก ให้ผู้อ่านนั้นสามารถได้มองเห็นอย่างทะลุปุโปร่ง ดังนี้

            1. ซื้อและถือไว้ (Buy and Hold) เป็นกลยุทธ์ของลงทุนเก่าแก่ที่นิยมทำกันมานาน เพื่อเก็บเกี่ยวในผลประโยชน์จากการปรับเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการซื้อที่ดินเปล่าและถือเก็บเอาไว้รอเวลา กฎกำปั้นทุบดินของเหล่าบรรดาเซียนอสังหาฯ เรียกกันแบบนี้ว่า “กฎ 77” นั่นคือให้ซื้อที่ดินอย่างน้อย 7 แปลง และถือครองไว้ 7 ปีขึ้นไป แต่ก็มีกูรูบางคนได้แนะนำให้ซื้อที่ดินถึง 10 แปลงก็มี
           หลักการคิดของกลยุทธ์แบบนี้ คือจะไม่เน้นขายอสังหาริมทรัพย์ทำกำไร เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการขาย(Capital Gain Tax) แต่ที่จะเน้นเก็บเกี่ยวในผลประโยชน์จากการเพิ่มค่าของความเป็นเจ้าของ (Equity Build-up) ไว้ใช้ในยามที่เราแก่เฒ่า หรือในช่วงที่ต้องออกจากที่ทำงาน หรือบางคนก็อาจตั้งใจที่จะเก็บตกทอดเป็นมรดกไว้ให้ลูกหลาน
            ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของกลยุทธ์ซื้อและถือไว้นี้ คือ อยู่ตรงที่ธนาคารมักจะไม่ปล่อยให้กู้ เวลาจะลงทุนจึงต้องใช้เงินสดของตัวเองเป็นหลัก ทั้งนี้แล้วกุญแจของความสำเร็จในกลยุทธ์แบบนี้ ก็คือจะต้องพยายามทำกำไรให้ได้ตั้งแต่ตอนที่คุณซื้อมาเลย โดยหาทางซื้อให้ได้ในราคาต่ำกว่าตลาดตั้งแต่เริ่มแรก ส่วนการเพิ่มค่าที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น ให้ถือเป็นส่วนโบนัสที่พึงจะได้รับจากการถือครอง

            2. ซื้อเพื่อนำมาปล่อยเช่า(Buy to Rent) ถือเป็นรูปแบบของการลงทุนที่คนนิยมทำกันมากสุดในปัจจุบัน ทั้งนี้ขณะที่กลยุทธ์การซื้อและถือไว้ เหมาะที่ใช้กับอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่า  แต่กลยุทธ์แบบซื้อมาปล่อยเช่านี้ จะเหมาะสมที่นำมาใช้กับบ้านและคอนโด เป็นสำคัญ
             สาเหตุสำคัญ ก็เพราะที่อยู่อาศัยคือปัจจัยสี่ที่จำเป็นสำหรับทุกคน การปล่อยเช่านั้นจะทำได้ง่าย และได้ค่าเช่าสูง จึงสามารถสร้างกระแสรายได้(Cash Flows) ในรูปผลตอบแทนค่าเช่าแต่ละปี (Rental Yield) ได้อย่างน่าพอใจเลยทีเดียว

            3. ซื้อมาขายไป (Trading) หรือภาษาลงทุนนิยมเรียกกันว่า “ฟลิป(Flip)” เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในช่วงตลาดของอสังหาริมทรัพย์ขาขึ้น (Rising Real Estate Market) เป็นอย่างยิ่ง วิธีการก็คือเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง จากนั้นก็ให้รีบขายต่อให้ผู้อื่นเพื่อทำกำไรในที่สุด
           กลยุทธ์แบบนี้ มักจะนิยมทำกันอย่างมาก กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ ที่ยังไม่ได้สร้าง โดยเฉพาะโครงการในประเภทของคอนโดมิเนียม เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่มาก แถมตอนขายทำกำไร ยังไม่ต้องเสียค่าโอนและภาษีอีกด้วย
           แต่ถ้าหากนำไปประยุกต์ใช้กับอสังหาฯ ที่สร้างเสร็จแล้วเมื่อไหร่ จะมีข้อจำกัดเกิดขึ้น นั่นคือจะมีค่าใช้จ่ายในของเรื่องภาษีและค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการถือครองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะส่งผลให้กำไรที่พึงได้ ถูกลิดรอนลง
           เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้ขายง่ายและได้ราคาดีขึ้น นั่นก็คือก่อนจะขาย ให้นำเอาอสังหาฯ มาซ่อม ปรับปรุง ปะหน้าทาแป้งเล็กๆ น้อยๆ ให้ดูดีเสียก่อน เช่นตัดหญ้า ทำความสะอาดพื้น จัดสวน หรือทาสี ฯลฯ โดยเน้นทำในสิ่งเล็กๆ น้อยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่สามารถอัพเกรดตัวอสังหาริมทรัพย์ให้ดูดีมากๆ ได้
           แม้ปัจจุบันกลยุทธ์ฟลิปแบบนี้ จะทำกันน้อยกว่ากลยุทธ์ซื้อมาปล่อยเช่าก็ตาม แต่ก็มีแนวโน้มที่จะทวีบทบาทน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยล่าสุดจากการสำรวจกลยุทธ์ลงทุนบ้านในประเทศสหรัฐฯ ในปี 2557 พบว่ากลยุทธ์ฟลิป ขยายตัวในอัตราสูงมากขึ้น

               4. ชุบชีวิตของอสังหาริมทรัพย์ขึ้นใหม่อีกครั้ง(Rejuvenations) กลยุทธ์แบบนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาประยุกต์ใช้งานกับอสังหาริมทรัพย์เก่า ซึ่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ทำเลดีๆ โดยจะมีข้อจำกัดคล้ายกับการซื้อมาขายไปบ้านเก่า คือจะมีภาษี ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการถือครองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
              กุญแจของความสำเร็จของกลยุทธ์แบบนี้ ปกติจะขึ้นอยู่กับการชุบชีวิตบ้านให้กลับมาดูดีและสดใสใหม่ ซึ่งต้องทำให้ได้ในระยะเวลาสั้นสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ปกติในประเทศสหรัฐฯ จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 6 สัปดาห์
               โดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่จะต้องทำกับบ้านที่ซื้อมา จะมากว่าการซ่อมแซม หรือปะหน้าทาแป้ง แต่จะครอบคลุมไปถึงการปฏิสังขรณ์ (Renovate) ด้วย ทั้งนี้ส่วนของบ้านที่นิยมมากแบบว่ายกเครื่องใหม่กัน ก็คือส่วนของห้องครัวและห้องน้ำ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญสุดที่คนใช้พิจารณาซื้อบ้านกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นเปลี่ยนเครื่องใช้ในครัว และสุขภัณฑ์ใหม่ กันเป็นหลัก แต่จะต้องระวังไม่ให้ก้าวล้ำไปเปลี่ยนแปลงในส่วนของโครงสร้างตัวบ้าน หรือส่วนอื่นๆ เพราะจะกระทบถึงต้นทุนและกำไรได้

               5. รีไฟแนนซ์ (Refinance) คนส่วนใหญ่มักจะคิดกันว่าเป็นแค่เพียงกลยุทธ์ระดมทุนเท่านั้น แต่ในแวดวงของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จัดเป็นกลยุทธ์ในการลงทุนรูปแบบหนึ่ง เพราะทำแล้วสามารถเพิ่มกระแสเงินสดไหลเข้า (Cash Inflows) ได้ ทั้งในรูปของรายจ่ายดอกเบี้ยที่น้อยลง และยังสามารถระดมเงินสดเข้ามาได้ด้วย
                จริงๆ แล้ว กลยุทธ์รีไฟแนนซ์ สามารถทำได้ในหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการที่จะใช้เป็นสำคัญ สำหรับรูปแบบพื้นฐานที่นิยมทำกันมากสุด ก็คือการกู้หนี้ใหม่ดอกต่ำ เพื่อไปโป๊ะใช้หนี้เดิมที่มีดอกสูงกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ประหยัดรายจ่ายดอกเบี้ยลงได้ในทันที
                รีไฟแนนซ์ ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในอนาคตได้ด้วย ทั้งนี้หากพบว่าอัตราดอกเบี้ยในอนาคตกำลังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น สิ่งที่ควรทำก็คือจะต้องรีบรีไฟแนนซ์ของเงินกู้ดอกเบี้ยลอยตัว(Floating Rate) ให้ไปเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่(Fixed Rate) แทน ซึ่งจะช่วยปกป้องผู้กู้จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้เป็นอย่างดี
                แต่ในทางกลับกันหากพบว่าทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต กำลังมีแนวโน้มที่จะลดต่ำลง สิ่งที่ควรพึงกระทำก็คือต้องรีไฟแนนซ์เงินกู้จากดอกเบี้ยคงที่ มาเป็นแบบดอกเบี้ยลอยตัวแทน ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้กู้ได้รับประโยชน์ หากดอกเบี้ยเกิดลดลงขึ้นมา
                ในต่างประเทศ รีไฟแนนซ์ นั้น ยังสามารถใช้เป็นกลยุทธ์ในการระดมทุนเป็นเงินสดได้อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีการกู้ยืมผ่านมาหลายๆ ปีแล้ว จะส่งผลให้สามารถกู้ยืมสินเชื่อที่มีวงเงินสินเชื่อสูงขึ้นได้

                6. ลงทุนกับสัญญาออปชั่น(Option) โดยแนวคิดการลงทุนของกลยุทธ์แบบนี้ ก็คือวางเงินเข้าไปซื้อ “ลีส ออปชั่น(Lease Option)” หรือ “สัญญาการเช่าบ้านที่ผูกสิทธิในการซื้อบ้านไว้” ซึ่งจะเป็นผลทำให้ได้สิทธิในการครอบครอง พร้อมสิทธิในการซื้อบ้านตามราคาและระยะเวลาที่ได้กำหนด ซึ่งเงินค่าออปชั่นนี้ จะถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าซื้อบ้านในอนาคตด้วย
                 และเมื่อเข้าถือสิทธิออปชั่นได้แล้ว ก่อนที่สัญญาจะครบกำหนดนั้น จะต้องไปโอนซื้อกันจริงๆ ซึ่งผู้ลงทุนก็จะนำไปขายทำกำไรต่อ ให้กับผู้ซื้อรายอื่นต่อไป

                7. สนับสนุนการเงินในระยะเริ่มต้นให้ผู้ซื้อแทนธนาคาร (Wraps) โดยแนวคิดของกลยุทธ์ ก็คือ เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับผู้ซื้อที่มีปัญหาในเรื่องของเครดิต หรือขาดคุณสมบัติ ที่ไม่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ โดยผู้ขายเข้ามาทำหน้าที่แทนแบงค์ในระยะเริ่มแรก ในลักษณะให้เช่าซื้อ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารเล็กน้อย และหลังจากผ่อนไประยะหนึ่งแล้ว อาจเป็น 3 ปี หรือ 5 ปี ก็ค่อยให้ผู้ซื้อทำเรื่องขอกู้ซื้อจากธนาคารโดยตรง
               กลยุทธ์แบบนี้อาจไม่ค่อยเห็นทำกันในบ้านเรา ซึ่งผู้สันทัดกรณีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะกลยุทธ์แบบนี้ ทำแล้วจะมีความเสี่ยงค่อนข้างจะสูง เนื่องจากในเมืองไทยของเรานั้น ระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี อาจไม่มีการันตีใดๆ ได้เลยว่าผู้ซื้อบ้านนั้นจะสามารถกู้ยืมธนาคารได้ เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้กู้ด้วย

                8. ยึดทรัพย์สินขายทอดตลาด (Foreclosures) ระบบนี้ นิยมทำกันมากในประเทศสหรัฐฯ นั่นคือเจ้าของบ้านที่มีปัญหาและไม่อาจสามารถผ่อนชำระคืนได้อีกต่อไป ธนาคารก็จะนำมาขายทอดตลาดเพื่อให้หักกลบลบหนี้ ซึ่งการขายทอดตลาดแบบนี้ได้รับความนิยมมากในหมู่นักล่ากำไร(Bargain Hunters) เพราะมีโอกาสที่จะพบเจอทรัพย์สินดีๆ ในราคาต่ำกว่าตลาดได้
              แต่ในบางประเทศ เจ้าของอสังหาฯ ที่มีปัญหา อาจเป็นผู้ดำเนินการขายทอดสู่ตลาดเอง โดยโฆษณาตรงไปยังผู้ซื้อหรือนักลงทุนต่างๆในหน้าหนังสือพิมพ์ ในลักษณะ “ต้องรีบขาย” หรือ “จำเป็นต้องขาย” ผ่านวิธีการประมูล เพื่อให้ขายได้ราคาดีที่สุด
              ในเมืองไทยเรา บ้านที่ขายทอดตลาด ซึ่งดำเนินการผ่านกรมบังคับคดี มักไม่ค่อยพบเจอบ้านดี ราคาถูกสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ซื้อมาแล้วมักมีปัญหา เช่นบ้านทรุดโทรมมากกว่าที่ควรจะเป็น หรือเจ้าของเดิมไม่ยอมย้ายออก ส่วนบ้านดีๆ ทำเลน่าสนใจ มักถูกชิงซื้อไปก่อนที่จะขายทอดตลาดแล้ว
              กลยุทธ์แบบนี้ในบ้านเรา ที่ทำกันแล้ว ดูจะได้ผลดีมากที่สุด ก็คือการขายอสังหาริมทรัพย์ที่หลุดขายฝาก ให้กับผู้สนใจในราคาต่ำกว่าตลาด เพื่อทำกำไร

ที่มา home.co.th
คอนโดโครงการใหม่ << ติดตามได้ที่นี่

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

3 วิธีซื้อคอนโดฯให้ดีและถูก

3 วิธีซื้อคอนโดฯให้ดีและถูก


ช่วงนี้ตลาดของการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรากำลังเป็น “ตลาดของผู้ซื้อ (Buyer’s Market) โดยเฉพาะในกลุ่มของสินค้าคอนโดฯ ทำให้โอกาสที่จะเจรจาต่อรองราคากันเพื่อให้ได้ของดีราคาถูกเป็นไปได้สูงและเปิดกว้างกว่า วิธีกลยุทธ์เจ๋งๆที่นิยมทำกันมีดังนี้

1.เจรจาซื้อก่อนพรีเซลล์

เป็นกลยุทธ์ที่นักเก็งราคากำไรคอนโดใหม่ ในประทศบ้านเรากำลังนิยมทำกันมากในเวลานี้ โดยอาศัยเพียงเส้นสาย ความสัมพันธ์และการทำความรู้จักมักคุ้นเจรจากับเจ้าของโครงการในแบบ “คนใน (insider)” เพื่อขอซื้อห้องชุดลักษณะดีๆ ราคาพิเศษก่อนที่โครงการจะเปิดขายพรีเซลล์ เพื่อรอเวลาการขายต่อเพี่อทำกำไรในช่วงที่โครงการเปิดขายพรีเซลล์

กลยุทธ์แบบนี้ปกติแล้วจะเกิดจากความยินยอมของเจ้าของโครงการเอง ส่วนใหญ่มักจะทำกันเงียบๆ แต่ก็มีบางแห่งก็ถึงขั้นโฉ่งฉ่างถึงขั้นจัดเป็นรอบขายพิเศษเพื่อลูกค้า ระดับ VIP โดยตรงเลยก็มีโดยแรงจูงใจก็คือทำแล้วโครงการได้ประโยชน์ตรงที่มั่นใจยิ่งขึ้นว่าจะมียอดขายพรีเซลล์มาโชว์ธนาคารได้แน่ๆ ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในการไม่ได้รับการสนับสนุนเงินกู้น้อยลง

นอกจากนั้น ยอดขายที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาก่อนเปิดพรีเซลล์ยังเท่ากับเป็นการปั่นราคากระตุ้นให้การขายรอบพรีเซลล์มีความร้อนแรงยิ่งขึ้นได้ด้วย เพราะทำให้ซับพลายห้องชุดมีน้อยลงกว่าปกติจึงต้องแย่งซื้อกัน

จริงๆแล้วยังมีเหตุผลลึกๆ อีกอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้รู้กัน นั่นคือแรงจูงใจในเรื่องผลประโยชน์ร่วมใต้โต๊ะระหว่างคนในกับคนที่ซื้อไปขายต่อทำกำไร ว่ากันว่านี่คือรายรับนอกบัญชี ที่ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว

2.รวมกลุ่มเจรจาซื้อจำนวนมากเพื่อขอส่วนลด

การเจรจาซื้อในลักษณะ “ผู้ค้าส่งอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Wholesaler)” คือขอซื้อทีละมากๆ ในราคาขายส่งเพื่อนำไปจัดสรรแบ่งกันภายในกลุ่มหรือนำไปขายต่อทำกำไร เป็นอีกวิธีที่นิยมกันอย่างมากกับโครงการคอนโดใหม่ในบ้านเรานี้ และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากยอดขายในช่วงแรกๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกับความเป็นไปได้ของโครงการมาก

เท่าที่สำรวจพบว่ามีโอกาสได้ส่วนลดสูงถึง 35% จากราคาขายปกติเลยทีเดียว นอกจากนี้ผู้ซื้อยังมีโอกาสเจรจาต่อรองขอเลือกห้องชุดที่ดีที่สุด เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อขายห้องไปแล้วนั้นจะได้รับผลกำไรและประโยชน์สูงสุด

ในทางปฎิบัติแล้วผู้ซื้ออาจเลือกที่จะซื้อห้องชุดทั้งหมดในชั้นเดียวกันหรือซื้อทั้งโครงการ บางครั้งก็อาจจะเลือกเฉพาะห้องชุดที่ต้องการมากที่สุด นั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขส่วนลดต่างๆที่จะได้รับและโอกาสในการขายต่อทำกำไร

3.ซื้อเป็นเงินสดแล้วขอส่วนลด

หลักคิดนี้อยู่บนขั้นพื้นฐานข้อเท็จจริงที่ว่าในตลาดผู้ซื้อที่มีเงินสดมากๆ มีอยู่ค่อนข้างน้อยดังนั้นใครก็ตามที่มีเงินสดอยู่ในมือก็จะมีอำนาจต่อรองสูง สามารถเจรจากับผู้ขายเพื่อขอซื้อสังหาฯ เป็นเงินสดเพื่อแลกกับส่วนลดมากๆได้ เป้นกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานรูปแบบหนึ่งที่นอกจากจะใช้ได้ดีกับสินค้าราคาแพงทั่วไปแล้วยังใช้กันอย่างแพร่หลายกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบกลุ่มที่ธนาคารไม่ค่อยปล่อยกู้ เช่น ที่ดิน,ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือแม้กระทั่งการซื้อขายบ้านหรือคอนโดฯ ในช่วงที่ธนาคารกำลังเข้มงวดปล่อยกู้

ทั้งนี้ส่วนลดจะมากหรือจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในการซื้อขายของตัวสินค้านั้นเป็นสำคัญ กรณีของอสังหาริมทรัพย์แล้วเนื่องจากเป็นสินค้าที่ขายยากมาก จึงมีโอกาสที่จะเจรจาขอส่วนลดได้มากกว่าสินค้าประเภทอื่น และส่วนลด นี้ถ้าหากมีนัยสำคัญมากเพียงพอก็จะสามารถขายต่อทำกำไรได้เลย แต่วิธีที่ทำกันมากที่สุดซึ่งช่วยให้ขายต่อได้ง่ายและได้ราคาขึ้นก็คือนำมาขายแบบผ่อนกัน ภายใต้เงื่อนไขกำหนดเงินดาวน์และผ่อนส่งไม่มาก ซึ่งในแง่การลงทุนแล้วเรียกว่าเป็นกลยุทธ์ “ซื้อสดมาขายผ่อน (Buy for Cash, Sell for Credit)” นั่นเอง

ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ลักษณะนี้ไปใช้กับอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเจรจาซื้ออาคารแห่งหนึ่งเป็นเงินสดในราคา 2,400,000 บาท และขายต่อให้กับผู้ซื้อที่ยังไม่พร้อมกู้ยืมเงินในราคา 3,000,000 บาท โดยเรียกเงินดาวน์เพียง 300,000 บาท ผ่อนดาวน์ได้ 10 งวด ส่วนที่เหลือค่อยให้ลูกค้ากู้ยืมเงินจากธนาคารต่อไป

ที่มา homeinthai

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

10 ข้อผิดพลาดการซื้อบ้าน-คอนโดมือสอง

10 ข้อผิดพลาดของการซื้อบ้าน-คอนโดมือสอง


       การซื้อหา บ้าน และคอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัย มีได้ไม่กี่ครั้งในชีวิตของคนส่วนใหญ่ แม้จะเป็นบ้านและคอนโดมือสองก็ตาม เพราะต้องใช้เงินในการดาวน์ไม่น้อยเลย การผ่อนเป็นเวลานานหลายปี ทำให้ถ้าพลาดแล้ว ยากที่จะแก้ปัญหาได้ สิ่งที่คุณควรต้องทำคือ ป้องกันไว้ก่อน จากการพบเห็นประสบการณ์ของคนอื่นที่เคยพลาดมาแล้ว ซึ่งโฮมบายเออร์ไกด์ รวบรวมมาให้แล้วทั้ง 10 ข้อต่อไปนี้ครับ

1. หลงความสวยงาม มากกว่าทำเล
       คนทั่วไปมักติดกับดักเรื่องความงาม แต่เรื่องที่อยู่อาศัยแล้ว ทำเลเป็นเรื่องสำคัญกว่าความงามบ้านมือสองหลายๆหลังที่ถูกประกาศขายมักเป็นบ้านที่เคยมีคนอยู่อาศัยแล้ว เป็นแบบบ้านรุ่นเก่า สีสันอาจจะดูเก่าไปตามอายุ แต่บ้านเหล่านี้ ก็มักจะอยู่ในทำเลที่ดีกว่าบ้านใหม่ อยู่ในเมืองมากกว่า ใกล้ระบบขนส่งและสาธารณูปโภคมากกว่า ฉะนั้นอย่าได้หลงความงามเลย ว่ากันว่าอยากทำให้บ้านใหม่ ก็ทำได้เพียงแต่ทาสีใหม่เท่านั้นแหละ แต่อยากได้ทำเลใหม่นี่ต้องซื้อใหม่อย่างเดียวเลย

2. เลือกบ้านสวยแต่ชุมชนและสภาพแวดล้อมแย่
       นอกจากคุณจะซื้อบ้านเดี่ยวในท่ามกลางป่าเขา ส่วนใหญ่แล้วการที่ต้องอยู่ร่วมกับบ้านใกล้เคียงคือสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้  ดังนั้น อย่าลืมสำรวจบ้านอื่นๆ รอบข้าง หรือสิ่งแวดล้อมในระแวกใกล้เคียงนั้นด้วยว่ามีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร ทั้งความสะอาดและลักษณะของเพื่อนบ้านใกล้เคียง ยิ่งคุณมีลูกหลาน ยิ่งต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เขาเกิดขึ้นมากับสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี นอกจากนั้น สภาพชุมชนรอบข้างที่แย่ก็อาจทำให้มูลค่าบ้านลดลง อีกทั้งในภายหลังเมื่อย้ายมาอยู่ ก็อาจต้องเจอปัญหาอีกสารพัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทางเข้าออก ความปลอดภัย และสภาพจิตใจของทุกคนในครอบครัว ซึ่งคุณควรให้วามสำคัญอันดับแรก และอย่าลืมว่า ไม่จำเป็นที่บ้านต้องราคาแพงหลายล้าน ถึงจะมีสภาพแวดล้อมที่ดีได้ บ้านราคาที่่พอจะซื้อหาได้แต่มีชุมชนที่ดียังมีอีกมาก แค่ใช้เวลาเลือกอีกซักหน่อยคุณจะพบบ้านหรือคอนโดที่สภาพแวดล้อมดีได้

3. หลีกเลี่ยงการซื้อจากนายหน้า
       หลายคนมักรังเกียจนายหน้า มักคิดว่าการซื้อบ้านมือสองผ่านนายหน้าจะทำให้มีราคาแพงกว่าปกติ เพราะราคาบ้านจะถูกบวกเข้าไปกับค่านายหน้า แต่อันที่จริงแล้ว นายหน้ามืออาชีพจะเป็นผู้ให้แนะนำผู้จะขายว่าราคาขายที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ไม่สูงเวอร์หรือต่ำเกินไป ข้อดีของการซื้อผ่านนายหน้าก็คือนายหน้าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายให้เราทั้งหมด ช่วยดูแลในเรื่องความเรียบร้อยของบ้าน และที่สำคัญก็คือ ซื้อผ่านนายหน้าก็ต่อราคาได้

4. อย่ารีบร้อนเกินไป ใจเย็นที่สุด
       อย่าตัดสินใจซื้อทันทีที่ชอบ จงใช้เทคนิคซื้อบ้านเพียง 1 หลัง อาจเลือกและต่อรองจากบ้านมากกว่า 1 หลัง เพื่อเลือกซื้อบ้านที่มันมีราคาและเงื่อนไขดีที่สุด ปกติแล้ว คนทั่วไปเวลาซื้อบ้านสักหลัง จะเลือกซื้อจากบ้านที่พิจารณาเพียงแค่ 1-3 หลังเท่านั้น ซึ่งทำให้คุณเสียโอกาสในการซื้อบ้านในราคาถูกไป เทคนิคที่ดีที่สุดก็คือ แม้ว่าจะเป็นการซื้อบ้านเพียงหลังเดียว แต่ก็ควรจะเลือกบ้านที่ดีที่สุด จากบ้านจำนวนมากหลังที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้ระลึกไว้เสมอว่ายิ่งมีบ้านให้เลือกมากเท่าใด ก็จะยิ่งเกิดประโยชน์กับผู้ซื้อมากขึ้นเพียงนั้น

5.ซื้อบ้านไม่รู้ประวัติ
       ฟังดูอาจจะดูเรื่องมากไปนิด คิดต่างที่ดีก่อนจะซื้อ ควรจะหาโอกาสไปคุยกับเพื่อนบ้านดูสักหน่อยว่าเจ้าของบ้านเดิมเป็นใคร เคยมีเหตุการณ์สยองขวัญในบ้านหรือคอนโดห้องดังกล่าวหรือไม่ ถ้าหากมารู้เอาภายหลังเมื่อซื้อมาแล้ว อาจทำให้อาศัยอยู่ไม่เป็นสุขกันล่ะคราวนี้

6. ไม่สอบถามเรื่องค่าสาธารณูปโภคค้างจ่ายจากเจ้าของเก่า
       ข้อนี้ให้พูดคุยสอบถามกันให้ชัดเจนก่อนซื้อ เพราะได้มีเหตุการณ์ที่เจ้าของคอนโดฯ เดิมซื้อมานานแล้วไม่เคยเข้าไปอยู่อาศัยเลย ค่าส่วนกลางก็ไม่เคยเสีย เวลาล่วงเลยมาหลายปีจึงตัดสินใจที่จะขาย กฎหมายกำหนดให้ผู้ขายจะต้องมีหนังสือรับรองยืนยันปลอดภาระหนี้จากนิติบุคคล หากไม่มี ต้องตกลงกันให้ชัดเจนก่อนว่าใครจะเป็นผู้รับภาระหนี้สิน  และจะต้องชำระก่อนการโอนด้วย เพื่อให้ได้หนังสือรับรองดังกล่าวมาเป็นส่วนประกอบการโอน

7. ไม่สอบถามผู้เชี่ยวชาญ และเชื่อแต่ตัวเอง
       ในการลงทุนของบ้านมือสอง ถ้าเกิดข้อสงสัยขึ้นมาเมื่อไหร่ อย่ารีบด่วนตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปเป็นอันขาด  ให้ถามหรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญเสมอ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ล้วนแล้วอยู่ใกล้ตัวท่านอยู่แล้ว เช่น ผู้ประเมินราคา ช่างก่อสร้าง เจ้าหน้าที่สินเชื่อ หรือนักกฎหมาย ฯลฯ
ที่ต้องทำอย่างนี้ ก็เพราะว่า โดยปกติแล้วต้นทุนในการใช้บริการผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เมื่อเทียบกับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดนั้น น้อยกว่ากันลิบลับอย่างเทียบกันไม่ติดเลย

8.คิดเรื่องซ่อมหลังซื้อ (จงคิดเรื่องซ่อมแล้วค่อยซื้อ)
       นี่เป็นข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่ง ในการเลือกซื้อบ้านมือสองในปัจจุบัน ก็คือ คนส่วนใหญ่มักจะคิดเรื่องการซ่อมแซม หลังจากที่เลือกซื้อบ้านมาแล้ว ซึ่งที่ถูกต้องแล้วการซ่อมแซม ควรจะเป็นประเด็นที่ต้องมีการหยิบยกมาพิจารณาก่อนที่คิดจะซื้อบ้านเสมอ เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้การลงทุนของคุณนั้นมีความปลอดภัย และช่วยประหยัดงบในการลงทุน เนื่องจาก การประมาณการของต้นทุนค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมล่วงหน้า จะทำให้ทราบถึงต้นทุนที่แท้จริงในการลงทุน และสามารถหยิบยกข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการต่อรองราคาซื้อขายบ้านให้ต่ำลงได้เป็นอย่างดี

9. ให้ความสำคัญกับวัสดุ มากกว่าช่างซ่อมบ้าน
       เมื่อได้เลือกซื้อบ้านมือสองมาแล้ว ก็ถึงคราวซ่อมแซมและตกแต่ง  ปัญหากวนใจอันหนึ่ง ก็คือเรื่องการเลือกใช้ช่างก่อสร้างกับการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง ซึ่งถ้าเลือกใช้ของดีทั้งคู่ ก็จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในจำนวนมาก ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าจำเป็นที่จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด ดังนั้นก็ควรจะให้น้ำหนักความสำคัญสิ่งไหนมากกว่ากันถึงจะดี
       กรณีแบบนี้คำตอบง่ายๆ ก็คือ ต้องเน้นที่ช่างก่อสร้างที่มีฝีมือ เป็นสำคัญ  โดยวัสดุก่อสร้างขอให้ถือเป็นเรื่องรอง ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะช่างที่มีฝีมือ สามารถช่วยแก้ปัญหาตำหนิหรือความไม่สวยงามที่เกิดจากวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างได้ แต่ถ้าใช้ช่างที่ไม่มีฝีมือและขาดความชำนาญเมื่อไหร่ แม้จะใช้วัสดุก่อสร้างดีแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่วายต้องเจอปัญหาเปลืองค่าใช้จ่าย และทำให้บ้านขาดความสวยงามได้

10. ไม่ดูสัญญาให้ดีก่อนตกลงซื้อขายบ้านหรือคอนโดมือสอง
       สัญญาจะซื้อจะขายเป็นเรื่องสำคัญ ระหว่างผู้จะซื้อกับผู้จะขาย ส่วนใหญ่จะดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ต่างๆ  มากรอกรายละเอียดกันเอง ฉะนั้นต้องดูเรื่องการวางเงินมัดจำ ค่าปรับหรือเรื่องการผิดสัญญาของแต่ละฝ่ายให้ดี เพราะหากไม่รัดกุม เมื่อคนขายได้ผู้ซื้อรายใหม่ที่ให้ราคาดีกว่า เขาอาจยกเลิกสัญญาไปเสียดื้อๆ ก็ได้ และที่สำคัญ เรื่องค่าใช้จ่ายในการทำนิติกรรม  ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้ ใครจะเป็นผู้ออก

คอนโดโครงการใหม่ สามารถติดตามได้ที่นี่  http://home.sanook.com/6559/
ที่มา home.co.th

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ไอเดียจัดสวนสวยที่บ้าน และคอนโดที่ใช่ในสไตล์คุณ

ไอเดียจัดสวนสวยที่บ้าน และคอนโดที่ใช่ในสไตล์คุณ

        สวนสวยๆที่ใครก็อยากมี แต่ทว่ากว่าจะได้สวนสวยมานั้น จะต้องรู้จักแต่ละสไตล์ของการจัดสวนซะก่อน ว่าแต่ละคนนั้ชอบสวนสไตล์ไหน และการจัดสวนสวยๆแบบไหนเข้ากับเราที่สุด ตามมาจ้า

        แบบบ้านพักที่อาศัยในปัจจุบันมีหลายลักษณะทั้งแบบบ้านเดี่ยว แบบบ้านทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถวหรือแม้กระทั่งคอนโดมิเนียม ดังนั้นการจัดสวนในที่พักอาศัยจึงมีหลายลักษณะตามความเหมาะสมของพื้นที่ ซึ่งเราสามารถดัดแปลงสวนในสไตล์ต่างๆตามความชอบ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับพื้นที่บ้าน และคอนโดใหม่ของเราได้ วันนี้เราได้คัดสไตล์การตกแต่งสวนที่เป็นที่นิยมมาฝากเพื่อนๆที่กำลังมองหาไอเดียอยู่ค่ะ

        การจัดสวนญี่ปุ่น มีพัฒนาการมาจากการจัดสวนถาด (Tray Garden) ซึ่งเป็นศิลปะของญี่ปุ่นแขนงหนึ่ง สวนแบบญี่ปุ่นจะไม่ตกแต่งต้นไม้ให้เยอะจนแน่น แต่จะใช้ลักษณะของการเชื่อมสเปซด้วยที่ว่าง องค์ประกอบน้อย มีการเว้นจังหวะตามหลักการคิดแบบเซน ซึ่งเดิมทีจัดสวนเพื่อให้เอื้อต่อการทำสมาธิ แบบสวนญี่ปุ่นเป็นสวนที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองความสวยงดงามของฉากทิวทัศน์ตามธรรมชาติมาจัดวางอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นเราจะเห็นองค์ประกอบของธรรมชาติครบในการแต่งสวนประเภทนี้ ทั้งต้นไม้ น้ำ หิน กรวด  

        Copying Nature เนื่องจากเป็นแบบสวนที่ได้จำลองมาจากทิวทัศน์ธรรมชาติ จึงควรจะมีองค์ประกอบของต้นไม้ โขดหิน น้ำ ครบทุกอย่าง การปลูกต้นไม้ มักจะไม่ปลูกต้นไม้สูงใกล้บ้าน เพราะต้นไม้จะบดบังความงดงามของสวนเมื่อมองจากบ้าน  พรรณไม้ที่นำมาใช้ปลูก ควรเป็นพันธุ์ที่โตไม่เร็วมาก เพราะสวนญี่ปุ่นนั้นจะค่อนข้างนิ่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น ไผ่ บอนไซ ไม้ดัด  ชาข่อย สนแคระหรือต้นสนพันธุ์เตี้ย  สนเลื้อย เข็มญี่ปุ่น เฟิน มอส เป็นต้น นอกจากนี้ การวางก้อนหินไว้ในที่โดดๆหรือกำแพงหิน จะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศได้ดีมาก ควรเป็นหินที่ดูเป็นธรรมชาติ ไร้การปรับแต่ง ส่วนสำหรับบ้านที่มีบริเวณน้อย การเอาแหล่งน้ำมาอยู่ในการจัดสวนอาจปรับเป็นบ่อน้ำเล็กๆ นอกจากนี้องค์ประกอบอื่นๆเช่น รั้ว ที่นั่งเล่น ควรเป็นวัสดุที่ดูธรรมชาติ เพื่อให้กลมกลืนกันไปทั้งหมดค่ะ

        การจัดสวนแบบ บาหลี เป็นแบบสวนในโซนเขตร้อนที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากสภาพอากาศซึ่งใกล้เคียงกับประเทศไทย แบบสวนบาหลีนั้น จะสะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมในท้องถิ่น สิ่งที่โดดเด่นในสวนประเภทนี้ ก็คือการตั้งประติมากรรมต่างๆ เช่น เทวรูป สิงห์ ฯลฯ หินที่สลักจากหินภูเขาไฟ ซึ่งมีรูพรุนพอที่พืชอย่างมอสหรือเฟิร์นจะขึ้นคลุมผิวได้ ลักษณะของการแต่งสวนจะร่มครึ้มด้วยพรรณไม้ของไม้ชนิดต่างๆ โดยที่นิยมใช้คือ ลั่นทม ชบา กล้วยประดับ เฮลิโคเนีย พลับพลึง โกสน เฟินชนิดต่างๆ เป็นต้น

        Bali  A Sacred Garden ลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของการจัดสวนบาหลี คือ การใช้สระน้ำ คูน้ำ หรือแหล่งน้ำให้เป็นเครื่องสะท้อนภาพต่างๆ ที่ปรากฏในสวน ทำให้สวนนั้นดูศักดิสิทธิ์มากขึ้น ตามคติของศาสนาฮินดู บ่อน้ำจะนิยมทำเป็นบ่อรูปทรงสี่เหลี่ยม ค่อนข้างตื้น และปลูกไม้น้ำ ในบ้านที่มีพื้นที่เล็กๆอาจใช้บ่อน้ำเล็กๆหรืออาจทำเป็นหัวสิงห์พ่นน้ำก็ได้ การแบ่งบริเวณในการจัดสวนมักจะใช้กำแพงก่ออิฐเตี้ยๆ นอกจากนี้ แสงสว่างที่ส่องเน้นในบริเวณสวนในยามค่ำคืนยังช่วยส่งเสริมให้แบบสวนบาหลีนั้น มีบรรยากาศที่ดูมีมนต์ขลังมากขึ้นอีกด้วย

        แบบสวนโมเดิร์น มีที่มาจากการลอกเลียนแบบของธรรมชาติ เช่นเดียวกับสวนแบบอื่นๆ แต่ไม่จำกัดเฉพาะบ่อน้ำ น้ำตก หรือภูเขา แต่รวมถึงตัวอาคารและตึกรามบ้านช่อง และสภาพแวดล้อมใกล้ตัว สวนแบบโมเดิร์นมักจะตัดทอนรายละเอียดของธรรมชาติ เน้นการใช้แนวเส้นและรูปทรงของเรขาคณิต ที่เรียบง่ายในการออกแบบ หากเปรียบเทียบการจัดสวนแบบนี้เหมือนภาพวาด แบบสวนโมเดิร์นจะเหมือนภาพวาดแอ๊บสแตร็คท์ (abstract) ที่สื่อความหมายเป็นนามธรรม คือมีสัญลักษณ์มากมายให้ตีความหรือจินตนาการจากภาพที่เห็น
        Modern Garden For Modern Living…เป็นแบบสวนที่ โดยใช้วัสดุตกแต่งที่ดูทันสมัยเข้ามาประกอบ เช่น รูปประติมากรรมต่างๆ การออกแบบอาจสื่อความหมายถึงบางสิ่ง ไม่นิยมใช้พรรณไม้ปริมาณมากๆ แต่เลือกใช้เฉพาะต้นที่มีรูปทรงที่โดดเด่น ด้วยความที่สวนประเภทนี้มีการลดทอนมาก จึงมีข้อดีในเรื่องการดูแลที่ง่ายและเหมาะกับพื้นที่แคบ เพราะจะทำให้สวนโปร่งโล่ง ไม่รกทึบ ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ดี แต่ขณะเดียวกันสวนลักษณะนี้ก็ไม่เหมาะกับสภาพพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดจัด เพราะจะทำให้ผู้ที่อยู่ในสวนรู้สึกไม่สบายตัว เนื่องจากร่มเงาของต้นไม้น้อยจึงไม่ค่อยร่มรื่น

        แบบสวนประดิษฐ์ หรือเรียกว่าแบบสวนฟอร์มัล (Formal Garden) การตกแต่งสวนประเภทนี้เน้นเรื่องความสมดุลซ้าย ขวา กึ่งกลางจะเป็นจุดเด่นที่นิยมวางรูปปั้นหรือน้ำพุ โดยมีฉากหลังจะเป็นตัวอาคารที่ดูโอ่อ่า เราจึงจะเห็นสวนฟอร์มัลกันมากในงานประเภทพระราชวัง ปราสาทหรือสถานที่ราชการซึ่งมีพื้นที่เยอะ ไม่นิยมเล่นระดับสูงต่ำ ใช้การแบ่งบริเวณต่างๆในสวนด้วยทางเดินที่มักจะเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งที่เกิดจากวงกลม รูปทรงของต้นไม้ในสวน มักเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ยึดตามการออกแบบในแปลน พรรณไม้หลักที่ใช้จึงต้องเป็นทรงพุ่มแน่น เช่น เทียนทอง ชาดัด ข่อยดัดและเฟื่องฟ้า ซึ่งต้องได้รับการตัดแต่งอย่างดี ทำให้สวนประเภทนี้จะต้องได้รับการดูแลให้เรียบร้อยอยู่เสมอ

        Make Formal Becomes Personal หลายๆคนมักอาจจะชอบสไตล์นี้ แต่ไม่รู้ว่าจะดัดแปลงมาใช้กับบ้านและคอนโดของคุณยังไงใช่มั้ยคะ ในพื้นที่เล็กๆ เราก็คงไม่สามารถจัดสวนแบบสมดุลซ้าย ขวาและดูโอ่อ่าได้ เราจึงอาจหยิบยืมสไตล์ในการตัดแต่งต้นไม้เป็นพุ่มเรขาคณิต หรือการใช้รูปปั้น ไปจนถึงน้ำพุมาตกแต่งเป็นจุดเด่นในสวนได้เหมือนกัน อาจมีบริเวณที่นั่งเล่น ทำระแนงไม้บังแดดแล้วให้ต้นไม้เลื้อยไปตามระแนง ก็ลดความแข็งของรูปทรงในสวนฟอร์มัลได้  
ถึงแม้ว่าการจัดสวนจะมีสไตล์ต่างๆกันดังกล่าวข้างต้น ทั้งยังมีสวนประเภทอื่นๆนอกเหนือจากนี้ที่คุณสนใจ แต่เราสามารถผสมผสานความชอบลงไปในสวนของคุณได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสวนที่มีสไตล์เด่นชัดเพียงสไตล์เดียว อย่างไรก็ดีการผสมผสานการตกแต่งสวนดังกล่าวก็ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญด้วยเช่นกัน คุณอาจขอคำแนะนำจากแลนด์สเคป ดีไซเนอร์หรือแม้กระทั่งคนสวนของคุณเอง เมื่อได้สวนสวยสมใจแล้ว สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ที่จะลืมไม่ได้ก็คือการดูแลค่ะ สวนก็มีชีวิตนะคะ ถ้าไม่ดูแลมันก็สามารถเหี่ยวเฉาโรยราได้ หมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ย ตัดแต่งต้นไม้ สวนของคุณก็จะได้อยู่กับคุณไปอีกนานเท่านานค่ะ

ที่มา : forfur

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เสนอเคล็ดลับ ซื้อคอนโดปล่อยให้ต่างชาติเช่าอาศัย

เสนอเคล็ดลับ ซื้อคอนโดปล่อยเช่าต่างชาติ “อเมริกัน ยุโรป เอเชีย”

         ผลสำรวจของตลาดคอนโดในฝันของชาวต่างชาติล่าสุดโดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชี้แจงไม่ใช่แค่ทำเลที่ตั้งของโครงการ เท่านั้นที่ต่างชาติให้ความสำคัญ การออกแบบดีไซน์ที่ตอบโจทย์ในทางวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่างและ ความน่าเชื่อถือของบริษัทที่เป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ก็สำคัญไม่แพ้กัน
         นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานด้านการบริหารสินทรัพย์ ของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้เปิดเผยว่า ในปัจจุบันตลาดการซื้อ-ขายและเช่าอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในส่วนของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ  ได้เริ่มมีการพัฒนาที่สูงขึ้นกว่าในอดีต โดยจากผลสำรวจในกลุ่มของผู้เช่าในแถบประเทศ กลุ่มเอเชีย กลุ่มยุโรป และกลุ่มอเมริกา ล่าสุดพบว่า ในการดำเนินชีวิตของชาวต่างชาติที่มีการเข้ามาประกอบธุรกรรมต่างๆ ในประเทศไทย จะมีต้องการความละเอียดอ่อนในการดำเนินชีวิตให้มากขึ้นกว่าอดีต ดังจะเห็นได้จากการสร้างในชุมชนเพื่อความเป็น กลุ่มก้อนในการอยู่อาศัยให้มากยิ่งขึ้น อันเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเชื่อได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังจะเติบโตอย่างเป็นแบบแผน

         สามารถแบ่งออกเป็นตลาดผู้เช่า “กลุ่มยุโรป-อเมริกัน” พบว่า พฤติกรรมยังเลือกโซนพื้นที่ ราชดำริ เพลินจิต และแนวรถไฟฟ้าย่านสุขุมวิทตอนต้น ส่วนใหญ่และจะเลือกเช่าคอนโด ตามแนวรถไฟฟ้าสถานีสุขุมวิทเป็นหลัก แต่จะกระจายออกไปยังย่านราชดำริ เพลินจิต หลังสวน สุขุมวิทตอนต้น และมีแนวโน้มที่จะกระจายตัวไปยังย่านสุขุมวิทตอนปลาย อยู่กันแบบกระจายตัวไม่เป็นชุมชนเหมือนชาวเอเชีย และผู้เช่านั้นยังมองเรื่องทำเลที่ตั้งและราคาเป็นปัจจัยหลัก

         ในขณะที่ตลาดผู้เช่า “ชาวญี่ปุ่น” เลือกที่จะอาศัยอยู่ในย่านสุขุมวิทตอนกลางระหว่างเขตพื้นที่ อโศกถึงเอกมัย โดยคอนโดในแถวย่านสุขุมวิท 24, 31, 39, 49, 55 (ซอยทองหล่อ) ยังได้รับความนิยมอย่างมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาก็คือทำเลโซนแถบ สุขุมวิท 23, 26, 53, 60 และซอยเอกมัย เหตุผลสำคัญอันเนื่องมาจาก ผู้เช่าชาวญี่ปุ่น มักจะอาศัยอยู่รวมกันแบบชุมชนเพราะรู้สึกอุ่นใจในเรื่อง ความปลอดภัย และในย่านดังกล่าวยังสามารถตอบโจทย์กลุ่มแม่บ้านของชาวญี่ปุ่นด้วยแหล่งช็อปปิ้งชั้นนำ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร โรงพยาบาล และสถานที่สำคัญสะดวกสบายเรื่องระบบการคมนาคมอันทันสมัย

         ตลาดผู้เช่าของ “ชาวเกาหลี” จะนิยมอาศัยอยู่ในบริเวณย่านพระราม 3 หรือถนนรัชดาภิเษก และมักจะเลือกเช่าพื้นที่ที่พักอาศัยในทำเลที่มี คนชาติเดียวกันเช่าอยู่เดิม เพื่อสร้างความเป็นชุมชนและเพื่อให้เกิดความอบอุ่นใจ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ราคาหรืออัตราค่าเช่าห้องถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากในการพิจารณาเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ถือเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะต้องการลงทุน เพื่อให้เข้าใจและใช้เป็นแนวทางในการเดินตกแต่งและการเลือกใช้บริษัทตัวแทนที่มีฐานข้อมูล ผู้เช่าหรือผู้ซื้อที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวที่สุด

         ประเด็นปัจจัยของการเลือกซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่าแก่ชาวต่างชาติที่นายอนุกูลกล่าวว่า กลุ่มผู้เช่าชาวยุโรปและอเมริกันในระดับผู้บริหารยังนิยมห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขนาด 150 ตารางเมตรขึ้นไปแต่สำหรับคอนโดแบบ 2 ห้องนอนและขนาด 250 ตารางเมตรขึ้นไปสำหรับคอนโดแบบ 3 ห้องนอน ในขณะที่กลุ่มผู้เช่าที่มาคนเดียวมักจะมองหาห้องที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 60 ตารางเมตร แต่หากเป็นกลุ่มครอบครัวมักนิยมเช่าห้องชุดขนาดพื้นที่ 120 ตารางเมตร

         ส่วนกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่น ไม่นิยมห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก กรณีที่อยู่อาศัยเพียงคนเดียว ห้องพักพื้นที่ 40-50 ตารางเมตรก็เพียงพอแล้วกับความต้องการ แต่ในกรณีที่พักอาศัยเป็นแบบครอบครัวหรือกลุ่มที่มีงบประมาณ ในการเช่าสูงมักจะเลือกเช่าห้องชุดที่มีขนาด 2 ห้องนอนเป็นหลัก

         ส่วนปัจจัยอื่นๆ พบว่า กลุ่มผู้เช่าของชาวยุโรปและอเมริกันมักจะต้องการห้องชุดที่โปร่งโล่ง เรียบง่าย เพื่อตนเองสามารถนำของตกแต่งที่ชอบเข้ามาจัดวางได้ ตามความพอใจ ในขณะที่กลุ่มผู้เช้าชาวเอเชียมักนิยมเช่าห้องชุดในลักษณะที่ตกแต่งครบและพร้อมเข้าอยู่เป็นหลัก โดยสไตล์ที่นิยมคือ โอเรียลทอล ที่นำไม้เข้ามาเป็นองค์ประกอบและตกแต่งด้วยของน้อยชิ้นในสไตล์ Minimalist และนิยมห้องชุดที่มีอ่างอาบน้ำเพื่อแช่ในน้ำอุ่น ยกเว้นในส่วนของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เห็นความสำคัญในเรื่องส่วนกลาง เพื่อออกกำลังกาย อาทิ สระว่ายน้ำและฟิตเนสแทน

“ศักยภาพความพร้อมและน่าเชื่อถือของบริษัทตัวแทนเช่าและบริษัทการบริหารจัดการโครงการถือเป็นหัวใจที่ผู้เช่าทุกชาติให้ความสำคัญมากโดยเฉพาะผู้เช่าที่ต้องพักอาศัยเป็นเวลานาน เพราะนอกจาก จะต้องเลือกบริษัทที่เป็นมิตรสามารถสื่อสารได้สะดวกและสามารถวางใจได้ในฐานะที่ปรึกษาแล้ว คุณภาพของ การบริหารโครงการที่ดีก็ถือเป็นจุดหลักในการประเมินเช่นกัน เพราะเป็นจุดแสดงให้เห็นถึงความสะดวกสบาย ในการพักอาศัยในต่างแดน ดังนั้นความพร้อมของบริการจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากจะลงทุนในเรื่องปล่อยเช่าห้องชุดในระยะยาวแล้วผู้ลงทุนไม่ควรมองข้ามปัจจัยดังกล่าว” นายอนุกูลกล่าวสรุป

ที่มา cmc.co.th
ติดตาม โครงการคอนโดใหม่ ปีหน้าได้ทีนี่

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กลยุทธ์ต่างๆ ที่จะทำให้ผู้ที่จะซื้อโอนห้องชุดคอนโดให้เร็วที่สุด

กลยุทธ์ต่างๆ ที่จะทำให้ผู้จะซื้อโอนห้องชุดคอนโดให้เร็วที่สุด


           บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มักจะนำวิธีการต่างๆ นานา เพื่อให้เรานั้นโอนห้องคอนโดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นพวกเราควรที่จะต้องเรียนรู้ถึงวิธีการตั้งรับ เพื่อที่จะให้ได้ห้องที่ถูกใจสำหรับเราและไม่โดนเอาเปรียบจากบริษัทดังกล่าว

ข้อ 1. ใช้สิ่งจูงใจหรือถอยคำพูดเพื่อให้เราเซ็นรับห้อง

           หลังจาก โครงการคอนโดใหม่ สร้างเสร็จหรือใกล้จะเสร็จแล้วทางเจ้าของโครงการก็จะส่งจดหมาย เพื่อจะเรียนเชิญให้ทางเจ้าของห้องมาทำการตรวจสอบเช็คความเรียบร้อยของห้องทีตนเองจะได้รับ เพื่อทำการรับห้องคอนโดในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าของโครงการนั้นก็จะออก campaign ต่างๆนานา เพื่อที่จะหลอกล่อ (อุ๊บไม่ใช้) หรือจูงใจเพื่อให้เจ้าของห้องนั้น โอนคอนโดภายในเวลาดังกล่าว และด้วยความโลภอยากได้ของฟรีในบางท่านของผู้จะซื้อ ทำให้หลายหลายท่านยอมรับ ข้อเสนอต่างๆของห้องเพื่อจะเอาของแถมนั้นๆ โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่าของแถมที่ได้นั้น ถ้าเทียบกับจุดบกพร่องของงานที่ทางผู้ซื้อจะต้องจ้างช่างหรือคนงานมาแก้ไขงานภายหลังนั้น อาจจะแพงกว่าของแถมที่ได้มากมาย จึงอยากให้ผู้ซื้อพึงระวังไว้ด้วย

2. ใช้คำพูดหว่านล้อม

“พี่ๆ เซ็นรับไปก่อนนะค่ะ จะได้รับเอาโปรโมชั่นเดี๋ยวค่อยมาแก้งานให้ทีหลัง”

           หลังจากทางผู้ซื้อได้เซ็นรับไปแล้วนั้นทางบริษัทก็ไม่อยากจะรู้จักผู้ซื้อ อีกแล้ว อย่าไปคาดหวังว่าเขาคนนั้นจะมาสนใจหรืออยากติดต่อกับเราอีกเลย ถ้าห้องยังมีปัญหาต่างๆ เช่น น้ำรั่ว หรือไม้บวมเขาจะบอกกับคุณว่า ติดต่อนิติได้เลย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสวยความงาม เช่น กระจกเป็นรอยหรือกระเทาะออกจากทีติดตั้ง  พื้นปูไม่ดี เช่น พื้นไม่เรียบไม่เสมอกันหรือไม่ได้slope อลูมิเนียมคด หรือ เก็บรายละอียดงานไม่เรียบร้อย เขาจะไม่ซ่อมให้ผู้ซื้อนะครับ เจ้าของเซลหรือผู้ตรวจห้องจะพูดว่า คุณเจ้าของห้องอาจจะทำเองก็ได้เพราะคุณรับห้องไปแล้ว และมีเพียงไม่กี่บริษัทที่เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาได้พูดออกไป (แต่ก็มีนะครับที่เขารับผิดชอบ) แต่อย่าเสี่ยงเลยครับ

หรือ “ห้องอื่นเซ็นรับหรือเค้าโอนกันไปหมดแล้วเนี๊ย!เหลือห้องพี่กับอีกไม่กี่ห้องเอง”

           วิธีนี้ เป็นวิธีการใช้จิตวิทยากดดันผู้ซื้อครับ มุขนี้มาบ่อยแต่อย่าได้แคร์ครับ ใครที่อยากรับห้องหรือโอนห้องก็ทำไป เราไม่พร้อมใช่ไหมครับ เราอย่าไปหลงกลกับวิธีนี้ครับ ถ้าหากเราลองถามกลับไปว่า ตอนนี้โอนไปกี่ห้องละ เขาก็จะตอบว่ากลับมาว่า โอนไปเยอะแยะแล้ว  ต่อให้โอนจริงแค่ 10 ห้องจาก 100 น้องเขา ก็จะตอบมาประมาณนี้ เพื่อกดดันเราเอง มุขนี้จะเกิดขึ้นบ่อยมากกับในบริษัท ซึ่งจะมีปัญหากับผู้ซื้อบ่อยๆ

3. ปัญหาเกี่ยวกับการแก้ไขงานภายในของห้อง

           ผู้จะซื้อ จะต้องเซ็นเอกสารก่อนที่จะตรวจรับห้องครับ เช่น ในบางบริษัทจะให้ผู้จะซื้อ แจ้งเรื่องแก้งานได้แค่ 1 หรือ 2 ครั้ง ว่ากันไป แต่สำหรับบางบริษัทที่ให้แก้งานได้มากกว่า 1 ครั้งขึ้นไปนั้น ในสัญญาจะระบุไว้ว่า เขาจะสามารถแก้ไขให้้เฉพาะงานที่ผู้ซื้อได้ระบุไว้ในครั้งแรกเท่านั้น หลังจากนั้นถ้าตรวจสอบแล้วพบอีกเค้าก็จะไม่แก้ให้ แต่บริษัทแบบนี้จะพบเป็นส่วนน้อยนะครับ

4. กำหนดวันโอนห้องชุดพร้อมเวลาให้ลูกค้าเลย

           บริษัทนี้แรงครับ บังคับโอนทางอ้อม อันที่จริงถ้าห้องชุดคอนโดยัง ไม่เรียบร้อยเค้าไม่มีสิทธิบังคับเราให้เซ็นรับหรอกครับ ถ้าเค้าไม่แก้ไขงานให้เรียบร้อยหรือบังคับให้เซ็นรับก็ถ่ายรูปไว้เลยครับ บอกเค้าว่าถ้าห้องไม่เรียบร้อยไม่เซ็นรับ ให้ถ่ายรูปไว้ถ้าเกิดโครงการเล่นไม่ซื่อก็เตรียมฟ้องสคบ. กันเลย บางที่พนักงานขายจะโทรมาแจ้งให้ผู้จะซื้อว่าทราบว่า ผู้จะซื้อจะต้องโอนวันนี้นะคือระบุวันที่ผู้จะซื้อต้องไปที่กรมที่ดินหรือ ส่งจดหมายกำหนดวันโอนที่แน่นอนเลยก็มี มีบางบริษัทครับ (ย้ำว่าแค่บางบริษัท) เธอไม่แคร์เลยว่า วันที่ได้นัดลูกค้านั้น ตัวลูกค้าเองจะว่างหรือไม่ ใครเป็นใครตายเธอไม่สน ถ้าไม่มาโอนยึดแน่ เธอขอจงรักภักดีกับบริษัทที่เธอทำเท่าตราบชั่วฟ้าดินสลาย กรณีนี้ ถ้าห้องไม่เรียบร้อยจริงๆ หรือห้องและส่วนกลางไม่สร้างตามแบบ ก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานถ้าหากเจ้าของโครงการยึดห้อง ผู้ซื้อจะได้มีหลักฐานฟ้องสคบ.ได้ ในช่วงเวลานี้มีบริษัทใหญ่อันดับต้นๆของเมืองไทยกำลังมีข้อพิพาทกรณีนี้อยู่ ถ้าผลเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง

           นี้ก็เป็นตัวอย่างคร่าวๆ นะครับเพราะผมคิดว่าเขียนยังไงก็ ไม่น่าจะหมดเพราะทางบริษัทอสังหาก็คงหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อที่จะให้เรา(ผู้จะซื้อ) โอนห้องคอนโดให้ เร็วสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนวิธีการนั้นจะถูกต้องมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความมีศีลธรรมของ บริษัทนั้นๆ ละครับ แต่ผมขอยืนยันนะครับว่า บริษัทที่กระทำต่อลูกค้าแบบนี้เป็นส่วนน้อยนะครับ บริษัทดีดีมีอยู่มากครับแต่ไม่อยากระบุเพราะว่า เดี๋ยวเค้าหาว่าจ้างมาเชียร์ของของเค้า ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ สวัสดีครับ


ที่มา: newbangkokcondo

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การเลือกซื้อคอนโดมิเนียม

การเลือกซื้อคอนโดมิเนียม


      เมื่อคุณคิดที่ตัดสินใจจะซื้อคอนโดมิเนียม สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง ทำเล, งบประมาณ และขนาดพื้นที่ของห้องที่คุณจะต้องการซื้อ หลายท่านอาจจะเลือกคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน บางท่านเลือกใกล้สถานศึกษา ตลอดไปจนถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือ โรงพยาบาล สำหรับงบประมาณนั้นโดยปกติแล้วก็ขึ้นอยู่กับราคาของทำเล ที่ดิน การก่อสร้าง และสิ่งอำนวยความสะดวก ข้อพิจารณาเหล่านี้้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการจะซื้อคอนโด อย่างไรก็ตามการตรวจสอบรายละเอียดของตัวอาคารคอนโด และเรื่องเอกสารต่างๆนั้น ก็เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรที่จะละเลย นอกเหนือไปจากทำเล และ งบประมาณ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์กับตัวคุณเอง สิ่งที่คุณควรจะตรวจสอบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียม

ขนาดพื้นที่ 
ถ้าหากคุณให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ของห้องมาก คุณก็ควรจะนำตลับเมตรไปวัดด้วยตัวคุณเองเลย ว่าตรงตามที่ผู้ขายประกาศไว้หรือไม่ และเมื่อคุณทราบขนาดพื้นที่ที่ถูกต้องแล้ว คุณก็ยังสามารถนำมาคำนวณเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตรได้อีกด้วย

ที่จอดรถ
คุณควรตรวจสอบดูสิว่าพื้นที่ ที่จอดรถของคอนโดมิเนียมนั้นๆ มีเพียงพอกับจำนวนยูนิตทั้งหมดหรือไม่

การก่อสร้าง
คุณสามารถจะสอบถามจากบริษัทที่ดูแลรักษาคอนโดมิเนียมได้ ว่าวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างมีความแข็งแรงคงทนเพียงไร และเป็นวัสดุชนิดไหน นอกจากนี้วัสดุที่กั้นห้องนั้น มีความหนามากน้อยเพียงไร มีเสียงเล็ดลอดจากเพื่อนข้างห้องดังไหม หรือห้องที่อยู่เหนือคุณขึ้นไป มีเสียงดังรึเปล่า ในกรณีที่มีการเดินแรงๆ

ระบบสาธรณูปโภค และรักษาความปลอดภัย
ทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมานี้มีล้วนจะความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะเข้าอยู่อาศัย ระบบน้ำไฟ เป็นอย่างไร ในกรณีที่ห้องของคุณอยู่ชั้นสูงๆ น้ำประปาไหลแรงเพียงพอหรือไม่ หากเกิดเหตุการณ์ไฟดับ ตัวอาคารมีระบบไฟฉุกเฉินเพียงพอหรือไม่ การรักษาความปลอดภัย มียามตลอด 24 ชม. ระบบการจัดเก็บขยะ การจัดและรับส่งไปรษณีย์ ตรวจสอบว่ามีการติดตั้งเครื่องตรวจควัน (smoke detector) หัวฉีดน้ำ (spinkle) ในตัวอาคารและห้อง บันไดหนีไฟมีขนาดที่ได้มาตรฐาน หรือไม่ นอกจากนี้ ตรวจสอบดูว่าลิฟท์โดยสารนั้น มีเพียงพอกับจำนวนคนที่พักอยู่หรือไม่ เวลาการเปิดปิดลิฟท์เป็นอย่างไร

สัญญา
โดยปกติทั่วไปแล้วผู้ซื้อจะละเลยต่อรายละเอียดเนื้อหาของสัญญา เนื่องจากมีเนื้อหาค่อนข้างมากและเป็นตัวบทกฎหมายซะส่วนใหญ่ หากจะให้ดีแล้ว คุณควรจะมีนักกฎหมายคอยให้คำแนะนำ เพื่อทราบถึงสิทธิ และผลประโยชน์ ที่คุณจะได้รับหรือเสีย ตัวอย่างเช่น หากคอนโดมิเนียมที่คุณซื้อแล้ว เกิดเพลิงไหม้เสียหายทั้งตึก คุณจะได้รับค่าชดใช้หรือไม่เพียงใด

ทำเลของห้อง
ผู้ซื้อส่วนใหญ่ลืมที่จะคิดไปว่า ห้องที่คุณเลือกเองแล้วนั้น นอกจากวิวทิวทัศน์ของห้องดีแล้ว แต่แสงแดดที่สาดส่องเข้าห้องคุณมีผลกระทบกับคุณมากน้อยหรือไม่ แต่บางคนไม่ชอบที่จะให้แดดส่องเข้าห้องในตอนบ่าย เพราะจะทำให้ห้องของคุณร้อนมาก หรือห้องบางคนไม่มีแสงเข้าเลยทั้งช่วงเช้าและบ่าย

อายุ 
หลายๆคนอาจจะสงสัยได้ว่า อายุนั้นมีอิทธิพลกับการเลือกคอนโดมิเนียมได้อย่างไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ไลฟ์สไตล์ของผู้เข้าอยู่เป็นสำคัญ คอนโดมิเนียมที่คุณสนใจอยู่นั้น ผู้เข้าอาศัยนั้นอาจจะเป็นวัยรุ่นซะเป็นส่วนใหญ่ หากคุณมีครอบครัว หรือ คุณต้องการความเงียบสงบ ชุมชนนั้นเหมาะกับคุณหรือไม่ คุณเองจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับชุมชนได้หรือไม่ แต่อย่าลืมว่าคอนโดมิเนียม ก็เป็นชุมชนเล็กๆ ของคุณ เช่นเพื่อนห้องที่ติดกัน

ระเบียบเงื่อนไขการอยู่อาศัยของคอนโดมิเนียม
ระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ล้วนแล้วจะแตกต่างกันไปในแต่ละคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตามเราควรที่จะรู้ถึงข้อควรปฎิบัติเหล่านี้และข้อห้ามเหล่านั้นด้วย โดยทั่วๆไปแล้ว บางคอนโดมิเนียมอาจจะไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยง ประเภท สุนัข หรือ แมว เข้ามาเลี้ยง บางสถานที่ไม่อนุญาตให้ทำอาหารภายในห้อง โดยใช้เตาแก๊ส บางแห่งไม่อนุณาตให้ขนของ หรือต่อเติม ห้องในวันเสาร์และอาทิตย์

นิติบุคคลอาคารชุด
คงจะเป็นเรื่องที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ในทุกๆคอนโดมิเนียมจะต้องมีนิติบุคคลอาคารชุด และ คุณก็ควรที่จะต้องทราบถึงระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของนิติบุคคลอาคารชุด เช่น ค่าส่วนกลางเป็นเท่าไหร่ ต่อเดือน คอนโดมิเนียมบางแห่งราคาถูก แต่อาจจะต้องจ่ายค่าส่วนกลางที่แพง (ค่าส่วนกลางเป็นเงินที่เจ้าของในทุกห้องจะต้องชำระให้กับนิติบุคคลอาคารชุด เพื่อที่จะนำเงินเหล่านี้ไปใช้จ่ายในส่วนการบริหาร และ บริการในส่วนต่างๆ ที่เป็นส่วนกลาง เช่น เงินเดือนยาม ค่าไฟฟ้าทางเดิน ค่าไฟฟ้าของลิฟท์ ค่าบำรุงซ่อมแซมต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าของห้องชุดทุกห้อง)

วิธีประหยัดพลังงานและลดโลกร้อนง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน

วิธีประหยัดพลังงานและลดโลกร้อนง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน

            ปัจจุบันนี้โลกของเรานับวันยิ่งร้อนขึ้นทุกวัน ๆ ส่งผลให้คนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านได้เวลานาน ๆ เหมือนแต่ก่อน ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเช่น แอร์ พัดลม ที่ช่วยเพิ่มความเย็นให้กับบ้าน หรือคอนโดของเรา และยิ่งโลกร้อนขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่า ผู้คนบนโลกนั้น ยิ่งใช้พลังงานทำลายชั้นบรรยากาศของโลกมากขึ้นไปเท่านั้น และวันนี้มีวิธีดี ๆ ในการประหยัดพลังงานแบบง่ายๆ คุณสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันมาฝากกัน ที่จะช่วยให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยลดโลกร้อน ด้วยการเริ่มต้นประหยัดพลังงานกันตั้งแต่ในคอนโดไป จนถึงที่ทำงานเลยทีเดียว ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่า คุณสามารถช่วยลดโลกร้อนในแต่ละวันอย่างไรได้บ้าง

พลังงานความร้อนและไฟฟ้า
            1. ติดตั้งฉนวนกันความร้อน เพื่อลดความร้อนและทำให้บ้านเย็น
            2. ตั้งตู้เย็นไว้ในที่ที่ใกล้กับประตูหน้าต่าง เพื่อความร้อนที่ระบายออกมาจะได้ไม่สะท้อนกลับไปในห้องครัว และยังสามารถช่วยประหยัดไฟอีกด้วย
            3. ในฤดูหนาวควรจะเปิดหน้าต่างให้ความเย็นเข้ามาในห้องตอนกลางคืน และปิดหน้าต่างตอนเช้า เพื่อให้ความเย็นภายในห้อง ไม่ถูกแทนที่ด้วยความร้อนจากแสงแดดตอนกลางวัน
            4. คุณสามารถลดความร้อนในบ้านได้ถึง 50% หากติดกระจกที่มีลักษณะแบบสองชั้น เพราะจะสามารถกันความร้อนได้ และช่วยคุณประหยัดไฟฟ้าได้อีก
            5. เปิดแอร์ที่อุณหถูมิ 25 องศาเสมอ เพราะเป็นอุณหภูมิที่สบายที่สุด ที่คุณไม่ต้องนอนห่มผ้าตากแอร์เลย
            6. ติดตั้งระบบไฟฟ้าให้หมุนเวียนภายในบ้าน
            7. เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเกรด A ที่ไม่กินไฟ
            8. ลองเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ
            9. อย่าใช้เครื่องซักผ้าปั่นผ้าในวันที่ฟ้าใส และแดดจัด เพราะอุณหภูมิของโลก สูงพอจะทีทำให้ผ้าแห้งได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงอยู่แล้ว
            10. หากมีเสื้อผ้าน้อยชิ้นควรซักเองด้วยมือ ส่วนเครื่องซักผ้าควรใช้ในวันที่มีเสื้อผ้าเต็มตะกร้า
            11. หากคุณจำเป็นต้องเปิดไฟในสวนหน้าบ้านทุกคืน ควรใช้เปลี่ยนเป็นไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ชาร์จพลังงานตอนกลางวัน และเปิดไฟตอนกลางคืน
            12. ควรถอดสายชาร์จโทรศัพท์มือถือออกจากเบ้าเสียบทุกครั้งที่ชาร์จเสร็จ เพราะมันกินไฟโดยเปล่าประโยชน์

พลังงานน้ำ
            13. ตรวจสอบรอยรั่วของท่อน้ำประปา หรือรอยรั่วก๊อกน้ำแล้วอุดรอยรั่วนั้นให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้มันหยดทิ้งแม้น้อยนิดก็ตามที
            14. หากคุณจะต้มน้ำร้อน ควรใช้หม้อต้มน้ำที่พอดีกับปริมาณน้ำที่คุณต้องการใช้ เพราะขนาดภาชนะที่ใหญ่เกินไป มักจะทำให้เราใช้น้ำเกินความต้องการเสมอ
            15. เวลาที่ชงชา ต้มน้ำในปริมาณที่คุณจะใช้เท่านั้น แม้มันจะดูน้อยนิดเกินไป แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้น้ำร้อนที่เหลือจากการชงชาค่อย ๆ เย็นโดยไม่ได้ใช้อะไรเลย
            16. ปิดก๊อกน้ำทุกครั้งขณะที่คุณกำลังแปรงฟันอยู่
            17. ใช้ถังชักโครกที่ประหยัดน้ำ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำไปกับการชำระล้างโถส้วม ที่เกินความจำเป็น
            18. ใช้ฝักบัวอาบน้ำแทนการนอนแช่ในอ่างน้ำ เพราะมันจำทำให้เปลืองน้ำกว่ามาก ๆ

อาหารและตู้เย็น
            19. ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างออกจากผนังด้านละประมาณ 15 เซนติเมตร เพื่อให้ได้ระบายถ่ายเทความร้อนได้สะดวก
            20. ละลายน้ำแข็งในตู้เย็นเป็นประจำ
            21. อย่าเปิดตู้เย็นทิ้งเอาไว้เป็นเวลานานเกินไป เพราะจะทำให้ความเย็นระบายออกมาหมดและทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก กินไฟมาก
            22. ไม่ควรนำอาหารอุ่น ๆ หรือร้อนๆ เข้าไปแช่ในตู้เย็นเป็นอันขาด ควรวางไว้ให้เย็นก่อนแล้วค่อยนำเข้าตู้เย็นอีกครั้ง
            23. ซื้ออาหารที่มีในท้องถิ่น เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องซื้อในปริมาณเยอะ ๆ แล้วนำมาตุนไว้ในช่องแช่แข็งจนไม่มีที่ว่าง

พลังงานขณะขับรถ
            24. วางแผนการเดินทางทุกครั้งก่อนขับรถ เพื่อจะได้ไม่ต้องขับวนไปวนมาคิดซ้ายคิดขวาว่าจะไปทางไหนดี
            25. ขับรถด้วยความเร็วที่คงที่เสมอ และที่สำคัญไม่ควรขับเร็วเกินความจำเป็นด้วย
            26. ควรจะสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้สักครู่ ก่อนออกรถ
            27. ในกรณีที่รถติดไฟแดงในแยกที่รถติดนานกว่า 2 นาทีขึ้นไป ควรดับเครื่องยนต์ก่อนแล้วค่อยสตาร์ทรถใหม่
            28. ไม่ควรเปิดแอร์ภายในรถเย็นเกินไป ควรใช้อุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้น
            29. หากคุณนั้น ต้องเดินทางไปสถานที่ใกล้ ๆ ที่ห่างจากบ้านไม่เกิน 5 กิโลเมตร ควรใช้วิธีเดินหรือปั่นจักรยานดีกว่า
            30. อุปกรณ์แต่งรถหลาย ๆ อย่าง สามารถกินพลังงานเกินความจำเป็นทีใช้ได้ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องบอกทาง เป็นต้น
            31. นำรถเข้าอู่ซ่อมเป็นประจำ เพื่อเช็คสภาพและการทำงานต่าง ๆ ของรถ

พลังงานขณะทำงาน
            32. ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้จ่ายค่าไฟที่ทำงานเอง แต่ก็ควรจะใช้ไฟเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้หรือในห้องที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อช่วยโลกประหยัดไฟ
            33. ปิดหน้าจอของคอมพิวเตอร์ เมื่อคุณต้องลุกออกไปที่ไหนเพื่อทำธุระนาน ๆ เช่น ทานข้าว ไปประชุม หรือแม้แต่ออกไปยืดเส้นยืดสาย
            34. ควรใช้กระดาษทั้งสองหน้า อย่าใช้เพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
            35. หากสามารถเปิดหน้าต่างได้ ควรหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ในวันที่อากาศสบาย ๆ
            36. ควรใช้ลิฟต์ในออฟฟิศพร้อม ๆ กับคนอื่น ขณะเดียวกัน คุณสามารถเดินขึ้นบันไดได้หากห้องทำงานของคุณไม่ได้อยู่สูงถึงชั้น 7
            37. สำหรับข้อมูลบางอย่างที่สามารถอ่านผ่านคอมพิวเตอร์ได้ บางครั้งคุณก็ไม่จำเป็นต้องปรินท์เอาท์ออกมา

และนี่ก็คือวิธีง่าย ๆ ในการช่วยลดโลกร้อนที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ทำได้ ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตระหนักถึงคุณค่าของพลังงานและภาวะโลกร้อน เริ่มต้นประหยัดพลังงานกันตั้งแต่วันนี้นะคะ อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยยืดเวลาให้โลกไม่ร้อนไปกว่านี้ได้ไม่น้อยเลยล่ะ

คอนโดโครงการใหม่  สามารถติดตามได้ทีนี่ ...

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แนวทางแก้ไขปัญหาห้องน้ำที่พบบ่อยในคอนโดมิเนียม

แก้ปัญหาห้องน้ำที่พบบ่อยในคอนโดมิเนียม 


      ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งห้องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าห้องอื่นๆ ภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียมห้องน้ำเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง ก็มักจะได้พบเจอกับปัญหากวนใจเหล่านี้ หลายๆ เรื่อง แต่คุณไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราได้รวบรวมปัญหาที่มักจะพบเจอกันอยู่บ่อยๆ พร้อมวิธีการแก้ไขมาให้ได้อ่านกันแล้วครับ

 1. กลิ่นอับชื้นภายในห้องน้ำ
      ความอับชื้นเป็นปัญหาที่พบเจอได้ในห้องน้ำภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียม ถ้าหากปล่อยไว้ อาจทำให้เกิดเชื้อราและตะไคร่เกาะที่ผนังตามมา ซึ่งจะทำให้ห้องน้ำของคุณนั้น ไม่ถูกสุขลักษณะและส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ใช้ห้องน้ำได้

แนวทางแก้ไข : เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เลือกตำแหน่งของห้องน้ำให้อยู่ติดภายนอก เป็นทางทิศใต้หรือตะวันตกจะดี เพราะได้รับแสงแดดจากธรรมชาติเข้ามาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ นอกจากนั้นจะต้องมีช่องระบายอากาศ อย่าง บานเกล็ด บานเลื่อน เพื่อให้อากาศไหลเวียน ถ่ายเทสะดวก

 2. อาบน้ำแล้วเปียกทั้งห้องน้ำ
      เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วทำให้ห้องน้ำส่วนอื่นเปียกทั่วทั้งห้อง การใช้งานส่วนอื่น อย่างโถส้วม หรืออ่างล้างหน้าก็ทำได้ไม่สะดวก และยังยากต่อการทำความสะอาด

แนวทางแก้ไข : ต้องแบ่งส่วนที่แห้งและส่วนที่เปียกตามการใช้งาน ส่วนแห้งประกอบด้วย อ่างล้างหน้าและโถส้วม ส่วนเปียก ได้แก่ ส่วนอาบน้ำ ทั้งอ่างอาบน้ำและฝักบัว ทั้งสองส่วนควรแยกจากกันด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น กั้นห้องแยกกัน กั้นด้วยประตูกระจก หรือม่านกั้นน้ำ เป็นต้น

 3. น้ำไม่ระบายลงท่อ
      เมื่ออาบน้ำหรือล้างห้องน้ำ แล้วน้ำที่สกปรกไม่ระบายลงท่อ เอ่ออยู่บนพื้น และน้ำทิ้งที่มีทั้งสบู่ น้ำยาล้างห้องน้ำและเชื้อโรค หากปล่อยไว้ให้นองพื้นเป็นเวลานาน จะทำให้กระเบื้องเต็มไปด้วยคราบสิ่งสกปรกจนทำความสะอาดไม่ออกในที่สุด

แนวทางแก้ไข : ต้องเช็คความลาดเอียงของห้องน้ำใหม่ โดยตามปกติระดับพื้นห้องน้ำจะต้องทำให้ลาดเอียงไปยังท่อระบายน้ำในสัดส่วนความลาดชันประมาณ 1 : 200 และพื้นต้องลาดอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ระดับพื้นห้องน้ำควรต่ำกว่าห้องภายนอกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกสู่ภายนอกได้

4. แสงสว่างไม่เพียงพอ
      ห้องน้ำภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่แล้วมักใช้ไฟดาวน์ไลท์เพียงอย่างเดียว มักจะมีปัญหาเรื่องแสงสว่างไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะให้ความสว่างที่เป็นเพียงแค่แสง Ambient เท่านั้น

แนวทางแก้ไข : บริเวณเคาน์เตอร์ซิงก์ที่มีการใช้งานอย่างจริงจัง ทั้งแต่งหน้า ทำผมที่ต้องการแสงมากๆ ควรจะเพิ่มไฟประเภท Task Light อาจใช้โคมไฟติดผนังบริเวณกระจกที่ให้ความสว่างมาจากด้านหน้า ที่สะดวกต่อการใช้งาน

 5. พื้นลื่นจนอาจเกิดอันตราย
      วัสดุพื้นที่คุณใช้บางชนิด มีความสวยงามแต่ไม่เหมาะจะนำมาใช้เป็นพื้นห้องน้ำ เช่น หินอ่อนที่มีผิวเงา ทำให้เมื่อเปียกแล้วอาจทำให้ลื่นล้มเกิดอันตรายต่อชีวิตได้

แนวทางแก้ไข : ควรเลือกกระเบื้องหรือหินที่มีหน้าสัมผัสที่ค่อนข้างหยาบ ผิวด้าน ไม่มันเงา แต่ถ้าปูไปแล้ว ไม่ต้องการรื้อปูกระเบื้องใหม่ สามารถแก้ไขได้ด้วยการนำแผ่นยางรองกันลื่นมาใช้ในส่วนเปียก

6. ท่อระบายน้ำตันจนระบายน้ำไม่ทัน
      เป็นปัญหายอดฮิตที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับห้องน้ำภายใน บ้านหรือคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่อาบน้ำ สระผมมักมีน้ำสกปรกที่ระบายลงท่อน้ำไม่ทัน น้ำเลยเจิ่งนองจนพื้นห้องน้ำเกิดคราบสิ่งสกปรก ซึ่งเมื่อนานวันจะทำให้ท่อตัน

แนวทางแก้ไข : ท่อระบายน้ำทิ้งหรือท่อระบายน้ำสกปรกควรมีจะขนาดตามมาตรฐาน ซึ่งต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว จะทำให้น้ำทิ้งสามารถผ่านลงไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการเลือก Floor Drain ควรมีฝาตะแกรงครอบ เพื่อกันไม่ให้สิ่งสกปรกและฝุ่นผงไหลลงไปในท่อได้ เพื่อทำให้หลีกเลี่ยงการอุดตัน และส่วนที่สำคัญควรดูแลรักษาความสะอาด Floor Drain อยู่เสมอ

7. วัสดุบางชนิดภายในห้องน้ำทำความสะอาดยาก
      ห้องน้ำที่ใช้วัสดุทำความสะอาดได้ยาก เช่น มีซอกมุมเยอะ จะเป็นที่สะสมของคราบสกปรกและเชื้อโรค ซึ่งผิดสุขลักษณะ

แนวทางแก้ไข : ห้องน้ำภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่จะเลือกใช้กระเบื้องเซรามิค เนื่องจากดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย กระเบื้องที่มีหน้าสัมผัสหยาบๆ สามารถทำความสะอาดได้ยากกว่าแบบผิวเรียบ รวมทั้งกระเบื้องแผ่นใหญ่ ปูแล้วรอยต่อน้อยกว่า ก็จะมีพื้นที่สะสมคราบสกปรกและเชื้อโรคตามรอยต่อได้น้อยกว่า

8. ไฟฟ้าช็อตที่เกิดจากปลั๊กและสวิตช์ไฟภายในห้อง
      ห้องน้ำภายใน บ้านหรือคอนโดมิเนียม บางหลังไม่ได้วางแผนระบบไฟฟ้าไว้อย่างเหมาะสม ห้องน้ำที่ใช้งานจริงต้องมีปลั๊กหรือ Outlet สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดบริเวณเคาน์เตอร์ซิงก์ด้วย การติดตั้งปลั๊ก Outlet หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ทำให้เมื่อใช้งานจริงอาจเกิดปัญหาไฟฟ้าช็อต จนเป็นอันตรายถึงชีวิตแก่ผู้ใช้ห้องน้ำได้

แนวทางแก้ไข : ปลั๊กหรือ Outlet ภายในห้องน้ำควรอยู่สูงกว่าพื้นอย่างน้อย 70 เซนติเมตร หรืออยู่ระดับเดียวกับเคาน์เตอร์ซิงก์ และอยู่ภายในส่วนแห้งเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปลั๊กโดนน้ำ นอกจากนี้ควรเลือกใช้ปลั๊ก หรือ Outlet ประเภทกันน้ำได้หรือมีฝาครอบกันน้ำ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากการใช้งาน

9. ผนังหรือฝ้าที่อยู่ติดกับห้องน้ำมีการบวมน้ำ
      ผนังและฝ้าบางจุดเกิดอาการบวมน้ำ ผิวของสีที่ทาหลุดล่อนออกมา วอลล์เปเปอร์ลอกล่อนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ลองทาสีใหม่ แก้ไขผนัง ก็ยังเกิดอาการแบบเดิม

แนวทางแก้ไข : สาเหตุอาจมาจากความชื้นของห้องน้ำซึมออกสู่ผนังหรือฝ้าของห้องอื่น ลองตรวจดูว่าผนังหรือฝ้าเชื่อมต่อกับห้องน้ำที่มีการใช้งานหรือไม่ ก่อนที่จะปูกระเบื้องจำเป็นต้องฉาบผนังห้องน้ำด้วยน้ำยากันความชื้น หรือน้ำยากันซึมให้ดีก่อน โดยเฉพาะส่วนของฝักบัวและส่วนของอ่างอาบน้ำควรตรวจสอบน้ำซึมให้ดี ฝ้าเพดานก็ควรใช้ฝ้ายิปซัมทนความชื้นฉาบเรียบสำหรับห้องน้ำโดยเฉพาะ

10. ที่เก็บของในห้องน้ำไม่เพียงพอ
      แม้ตามจุดประสงค์การใช้งานของห้องน้ำ ไม่ได้ทำไว้เพื่อเก็บของจำนวนมาก แต่ก็มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นหลายอย่างที่ต้องเก็บไว้ภายในห้องน้ำ อย่างกระดาษทิชชู่ สบู่ ยาสระผม และอุปกรณ์ทำความสะอาด การดีไซน์ห้องน้ำส่วนใหญ่มองข้ามจุดนี้ไป ทำให้ต้องวางสิ่งของต่างๆ ระเกะระกะบนเคาน์เตอร์ซิงก์ ไม่เป็นระเบียบ ไม่น่ามอง

แนวทางแก้ไข : ควรออกแบบให้เหมาะสมตามการใช้งานจริงตั้งแต่ทีแรก ส่วนใหญ่มักออกแบบให้มีตู้เก็บของอยู่ใต้เคาน์เตอร์ซิงก์เป็นตู้บานปิด เพื่อเก็บม้วนกระดาษและอุปกรณ์ทำความสะอาด ส่วนสบู่และยาสระผมที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน ควรเลือกชั้นวางของแบบเปิด ติดตั้งในระยะเอื้อมเพื่อการหยิบใช้ที่สะดวก เรื่องของวัสดุควรเลือกที่ง่ายต่อการทำความสะอาด เช่น อะครีลิค สแตนเลส สตีล เป็นต้น

     เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับแนวทางในการจัดการห้องน้ำภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียมของเรา ทดลองนำไปใช้ดูนะรับรองห้องน้ำจะเป็นห้องที่มีความสุขทุกคน

 
ที่มา : cmc.co.th

เทคนิคหลักการเลือกซื้อคอนโดมือสอง

เทคนิคการเลือกซื้อคอนโดมือสอง

 ปัจจุบันนี้ ผู้บริโภคได้กลายเป็นผู้กำหนดทิศทางการตลาดและการพัฒนาที่ดินรูปแบบอาคารชุด หรือคอนโดมิเนียม บริษัทของผู้พัฒนาที่ดินส่วนใหญ่จะศึกษาความต้องการของผู้บริโภคเพื่อกำหนดขอบขตรายละเอียดหรือ “คอนเซ็ปต์” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อหรือผู้อาศัย ซึ่งในตลาดการขายทรัพย์ประเภทห้องชุด ทั้งห้องชุดมือแรกและมือที่สองซึ่งมีจำนวนมากพอ ที่จะให้ผู้บริโภคนั้น สามารถพิจารณาเลือกซื้อให้สอดคล้องกับความต้องการและงบประมาณในกระเป๋าของตนได้

        ความเสี่ยงของผู้บริโภคหรือผู้ที่จะซื้อห้องชุดมือแรกนั้น อาจจะมีความเสี่ยงจากการไม่ได้ห้องชุดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน เพราะบริษัททางของผู้ประกอบการอาจประสบปัญหาภายใน อาทิเช่น การเงิน การก่อสร้างหรือการขาย เป็นต้น ดังนั้น การเลือกซื้อห้องชุดมือแรก ผู้ซื้อจึงควรศึกษาตรวจสอบผลงานของบริษัทผู้ประกอบการที่ผ่านมาให้ดี
       แต่สำหรับผู้ที่สนใจเลือกซื้อทรัพย์ประเภทห้องชุดมือสอง อาจมีเหตุผลส่วนตัวที่ว่าไม่จำเป็นต้องรอให้บริษัทผู้ประกอบการก่อสร้างซึ่งอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี ไม่ได้มีความเสี่ยงกับการไม่ได้ห้องชุด ไม่เสียเวลาสรรหาอุปกรณ์ทรัพย์สิน เฟอร์นิเจอร์มาประดับภายในห้องชุดหรือสามารถที่จะเข้าใช้ประโยชน์ในการอยู่อาศัยหรือให้เช่าทรัพย์สินกับบุคคลอื่นได้ทันที

 ห้องชุดมือสองมีจำนวน 3 ประเภท ดังนี้
            1. ห้องชุดซึ่งผู้ซื้อมือแรกต้องการเสนอขาย
            ผู้ขายห้องชุดมือแรก ซึ่งได้ซื้อห้องชุดจากบริษัทผู้ประกอบการแสดงความประสงค์ที่จะขายห้องชุดอาจพร้อม (มี) หรือไม่พร้อม (ไม่มี) เฟอร์นิเจอร์ด้วยปัจจัยหลายเหตุผล อาทิ มีความจำเป็นต้องไปทำงานในพื้นที่อื่นหรืออยู่อาศัยต่างประเทศ หรือขายเพื่อเอากำไร หรือครอบครัวมีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะมีบุตรเห็นว่าพื้นที่ห้องชุดอาจไม่เหมาะสม หรือมีขนาดแคบลง หรืออาจจะเป็นอันตรายกับเด็กเล็กซึ่งอาจพลัดตกจากอาคาร เป็นต้น
ราคาการเสนอขายห้องชุดประเภทนี้อาจยังสูงหรือขายราคาในอัตราเดิมซึ่งผู้ซื้อห้องชุดซื้อไว้ในคราวแรกกับบริษัทผู้ประกอบการ
             2. ห้องชุดซึ่งผู้ซื้อ (มือแรก) ถูกศาลพิพากษาและบังคับคดีนำขายทอดตลาด
             เจ้าของห้องชุดซึ่งซื้อห้องชุดกับบริษัทผู้ประกอบการหรือซื้อต่อจากผู้ซื้อมือแรกอาจประสบปัญหาด้านการเงินไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดกับธนาคารหรือสถาบันการเงินซึ่งรับจำนอง เมื่อธนาคารหรือสถาบันทางการเงินไม่ได้รับ “ค่างวด” ของการผ่อนชำระอาจเกินสามเดือนหรือมากกว่านั้น จึงทำการดำเนินคดีทางแพ่งต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ชำระหนี้ ค่าห้องชุดตามสัญญาจำนองของห้องชุด เมื่อลูกหนี้หรือจำเลยไม่ได้ปฏิบัติตาม “คำพิพากษาศาล” ศาลจะออกคำบังคับคดีให้แก่โจทก์เพื่อดำเนินการให้สำนักงานบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม จะสามารถยึดและขายทรัพย์ดังกล่าวให้ผู้สนใจภายนอกเข้ามาซื้อห้องชุดต่อไปได้ ส่วนราคาการเสนอขายห้องชุดประเภทนี้ จะมีราคาถูกกว่าการเสนอขายห้องชุดตามปกติในประเภทแรก
          3. ห้องชุดซึ่งบริษัทผู้ประกอบการโอนทรัพย์ให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินเป็นผู้บริหารการขาย
         ห้องชุดประเภทนี้อาจมีจำนวนหนึ่งจะน้อยหรือมาก ผู้เขียนไม่สามารถตอบท่านได้ แต่เป็นข้อตกลงกันระหว่างผู้พัฒนาโครงการที่ขอสินเชื่อพัฒนาโครงการไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินในคราวแรก อาจมีหลายเหตุผลซึ่งบริษัทผู้ประกอบการโครงการยินยอมขายทรัพย์ (บางส่วน) ให้แก่ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินหรือเจ้าหนี้จำนอง อาทิ ความสามารถด้านการขายห้องชุดในอนาคต หรือความไม่คุ้มค่ากับการลงทุน หรือด้วยเหตุผลอื่น

แนวทางการพิจารณาการเลือกซื้อทรัพย์ห้องชุดมือสอง ดังต่อไปนี้
       1. ตรวจสอบ (สำเนา) เอกสารหลักฐานสำคัญของอาคารชุดกับส่วนราชการ “กรมที่ดิน”  
       ผู้ซื้อห้องชุดมือสองควรเข้าพบพนักงานเจ้าหน้าที่ “กรมที่ดิน” จะขอตรวจสอบสำเนาเอกสารหลักฐานสำคัญของห้องชุดในอาคารชุด (ก่อนจะซื้อ) มีรายการดังต่อไปนี้
              (1) หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือ หนังสือ อ.ช. 2 ซึ่งเป็น “คู่ฉบับ”จะมีรายละเอียดข้อความและสาระสำคัญต่างๆตรงกับหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดของผู้เสนอขายทรัพย์ห้องชุดมือสอง การที่ท่านนั้น สามารถตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้จะทำให้ท่านได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ ภาระผูกพันที่มีหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดเป็น “ใบแทน” กรณีหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดของผู้ซื้อนั้น สูญหายหรือชำรุด
              (2) หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนอาคารชุด (อ.ช.10) และนิติบุคคลอาคารชุด (อ.ช.13) และรายการจดทะเบียน ซึ่งสำเนาเอกสารหลักฐานดังกล่าวนี้ จะแสดงรายละเอียดของการจดทะเบียนอาคารชุดนิติบุคคลอาคารชุดตลอดจนรายการจดทะเบียนทรัพย์ส่วนบุคคลและทรัพย์สินส่วนกลางของห้องชุดภายในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
       รายการทรัพย์ส่วนกลางที่ท่านได้พบเห็นในอาคารชุดอาจไม่ใช่ทรัพย์ส่วนกลางเพราะเป็นทรัพย์ (ส่วนบุคคล) ของทางบริษัทผู้ประกอบการ ตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำหรือบริการอื่นๆ เมื่อท่านประสงค์ใช้บริการอาจต้องชำระค่าบริการให้แก่ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์
       รายการจดทะเบียนทรัพย์ส่วนกลางและทรัพย์สินส่วนบุคคลนั้น เป็นหลักฐานแสดงให้ผู้ซื้อห้องชุดทราบว่ามีรายการใดเป็น “ทรัพย์ส่วนกลาง” ซึ่งผู้ซื้อหรือเจ้าของร่วมสามารถใช้ร่วมกันได้และรายการใดซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อห้องชุดแต่ละราย อาทิ ช่องจอดรถยนต์ของเจ้าของห้องชุด เป็นต้น
              (3) ข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุด รายงานการประชุมคณะกรรมการและการประชุมเจ้าของร่วม รายการเอกสารหลักฐานข้างต้นจะบอกให้ผู้ซื้อห้องชุดทราบเกี่ยวกับกฎระเบียบการเข้าอยู่อาศัย การใช้ประโยชน์ห้องชุก การใช้ทรัพย์ส่วนกลาง การจัดการทรัพย์ส่วนกลาง สิทธิและหน้าที่ของเจ้าของร่วม อัตราค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ชำระล่วงหน้าและค่ากองทุนของนิติบุคคลอาคารชุด การประชุมคณะกรรมการ การประชุมเจ้าของร่วม การจดทะเบียนเลิกอาคารชุด และการกำหนด “บทลงโทษ” เป็นต้น
       ผู้ซื้อทรัพย์ (ห้องชุด) บางรายเมื่อไม่ได้ทราบรายละเอียดข้างต้น เช่น การห้ามนำสุนัขหรือมีสัตว์เลี้ยงภายในอาคารชุดหรือห้องชุดหรือการห้ามนำแก๊สหุงต้มประกอบอาหารภายในห้องชุด อาจกลายเป็นเรื่องซึ่งไม่เข้าใจ ไม่ทราบของเจ้าของห้องชุด หรือการเกิดปัญหาพิพาท ในขณะที่ข้อบังคับระบุรายละเอียดเรื่องดังกล่าวไว้ในคราวจดทะเบียนอาคารชุดกับพนักงานเจ้าหน้าที่ “กรมที่ดิน”
       รายงานการประชุมคณะกรรมการและการประชุมเจ้าของร่วมจะสามารถทำให้ท่านทราบเกี่ยวกับเงินค่าส่วนกลาง ค่ากองทุนตลอดจนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางรายเดือน และรายปี เป็นต้น
               (4) เข้าสำรวจทรัพย์ส่วนกลางและทรัพย์ส่วนบุคคลภายในอาคารชุด ก่อนที่ผู้ซื้อจะตัดสินใจวางหรือชำระเงินจองเพื่อการซื้อห้องชุด ผู้เขียนแนะนำให้ท่านเข้าตรวจสอบจำนวนและรายการทรัพย์ส่วนกลางตรงหรือสอดคล้องกับรายการจดทะเบียนของพนักงานเจ้าหน้าที่“กรมที่ดิน” และรายการทรัพย์ส่วนบุคคล ซึ่งปรากฏอยู่ภายในห้องชุด มีจำนวนถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่และมีสภาพเป็นเช่นใด
       อายุของการเปิดใช้อาคารเกินกว่าสิบปีย่อมส่งผลต่องบประมาณค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมปรับปรุงและบำรุงรักษาอาคาร ทรัพย์ส่วนกลางในอาคารชุดบางแห่ง ระบบวิศวกรรมภายในอาคารประเภทระบบสาธารณูปโภคน้ำประปา ไฟฟ้าส่องสว่างและความปลอดภัย อาจจำเป็นต้องปรับปรุง แก้ไขกับทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งชำรุดเสียหาย ด้วยงบประมาณเป็นเงินหลายแสนหลายล้านบาท
              (5) เรื่องอื่นๆ ได้แก่ หนี้ค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าสาธารณูปโภคส่วนบุคคล จำนวนและพื้นที่จอดรถยนต์ การดูแลและการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางภายในอาคาร เป็นต้น ผู้ซื้อห้องชุดควรตรวจสอบเรื่องต่างๆ ข้างต้นกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารจัดการ ณ สำนักงานนิติบุคคลอาคารชุด รวมถึงการสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบให้กระจ่างและเข้าใจ
       ผู้ซื้อห้องชุดหลายท่านขาดการตรวจสอบค่าใช้จ่าย ไม่ขอรับสำเนาใบเสร็จรับเงินมาตรวจสอบ พื้นที่และจำนวนช่องจอดรถยนต์มีจำนวนมากน้อยสามารถรองรับจำนวนรถยนต์เพียงพอหรือไม่ เป็นต้น ผู้ซื้อห้องชุด อาจเป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุขต่อการอยู่อาศัยและจากการใช้ประโยชน์ห้องชุดดังกล่าวในภายหลัง
       ด้านการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางหรือการให้บริการหลังการขายก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เนื่องจากนิติบุคคลอาคารชุดมีคณะกรรมการ (ที่สนใจเอาใจใส่) ฝ่ายบริหารอาคารทั้งผู้จัดการนิติบุคคลผู้จัดการอาคาร และทีมงานที่รับผิดชอบมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์การทำงานที่ดี มีความเป็น มืออาชีพทั้งการเปิดรับฟังข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากเจ้าของร่วม ผู้พักอาศัย ย่อมส่งผลให้ห้องชุดและทรัพย์ส่วนกลางที่ท่านซื้อกรรมสิทธิ์ไว้มีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต

ที่มา : cmc.co.th
คอนโดโครงการใหม่ สามารถติดตามได้ที่นี้

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้อจรรยาบรรณของวิศวกรคอนโด

จรรยาบรรณวิศวกรคอนโด

จรรยาบรรณ ข้อ 1

“วิศวกรคอนโดนั้นต้องรับผิดชอบ และให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ต่อสวัสดิภาพ สุขภาพ ความปลอดภัยของสาธารณชน และสิ่งแวดล้อม”

เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

 1. หลีกเลี่ยงไม่รับงานที่จะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม และความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ ของผู้ว่าจ้างกับผลประโยชน์ของสาธารณชน
 2. ทำงานให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมที่เป็นที่ยอมรับโดยให้ระมัดระวังในเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของชีวิต และสุขภาพของคนงาน และสาธารณชน รวมถึงทรัพย์สินซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน
 3. พยายามป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่สาธารณชน โดยการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ทราบถึงสถานการณ์อันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่สาธารณชนขึ้นได้
 4. ขจัดการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จ หรือข่าวสารที่ขยายเกินความจริง หรือไม่ยุติธรรม
 5. มีส่วนร่วมในการอภิปรายในที่สาธารณะ เกี่ยวกับเรื่องทางวิศวกรรมในขอบเขตที่ตนเชี่ยวชาญ ทั้งนี้โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของสาธารณชน

 จรรยาบรรณ ข้อ 2

“วิศวกรคอนโดจะต้องให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาการ ตามที่ตนทราบอย่างถ่องแท้แก่สาธารณชนด้วยความสัตย์จริง”

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

1. แถลงถึงความคิดเห็นทางวิศวกรรมต่อสาธารณชน เฉพาะเมื่อตนได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่  แถลงนั้นอย่างถ่องแท้แล้ว
2. ผู้ที่เป็นพยานในศาลต้องให้ถ้อยคำต่อศาลด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง และเฉพาะที่ได้เรื่องรู้ชัดแจ้งเท่านั้น แต่จรรยาบรรณข้อนี้ไม่ได้ห้ามการตอบข้อซักถามที่ต้องใช้การคาดคะเนและพินิจพิจารณาโดยอาศัยความรู้ และประสบการณ์ของตนเอง และความรู้ที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง
3. เปิดเผยถึงผลประโยชน์ใดๆ ที่ตนเองได้เกี่ยวข้อง ที่อาจจะมีผลกระทบต่อดุลยพินิจของตนในเรื่องทางเทคนิคที่ตนกำลังแถลง หรือประจักษ์พยานอยู่

 จรรยาบรรณ ข้อ 3

“วิศวกรคอนโดต้องดำรงและส่งเสริมความซื่อสัตย์สุจริต เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของวิชาชีพวิศวกรรม”

เพื่อให้บรรลุวัตถุตามประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

 1. ปฏิบัติงานที่ได้รับทำ อย่างถูกต้องตามหลักปฏิบัติและวิชาการของวิชาชีพ โดยเคร่งครัด
 2. ประกอบวิชาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช้วิชาชีพในทางที่ผิดกฎหมาย
 3. หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่วิชาชีพวิศวกรรม
 4. ไม่โฆษณาผลงานของตนเองในลักษณะที่เป็นการโอ้อวด
 5. ไม่พัวพันเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือประกอบการใดๆ ซึ่งตนรู้อยู่ว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่สุจริต
 6. ไม่อาศัยการคบหาสมาคมกับบุคคลอื่นๆ หรือหน่วยงานอื่นๆ เพื่อปกปิดการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณ
 7. ไม่ประกอบวิชาชีพร่วมกับวิศวกรที่ปฏิบัติตนผิดจรรยาบรรณ และต้องรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพบว่ามีวิศวกรกระทำผิดจรรยาบรรณ

 จรรยาบรรณ ข้อ 4

“วิศวกรคอนโดต้องปฏิบัติงานเฉพาะที่ตนมีความรู้ความสามารถเท่านั้น”

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

 1. ไม่ประกอบอาชีพวิศวกรรมเกินความรู้ความสามารถที่ตนเองจะทำได้
 2. ในกรณีที่งานที่ได้รับมอบหมายมานั้น ต้องการความรู้ความสามารถ หรือประสบการณ์ทำงานอย่างอื่น นอกเหนือจากที่ตนเชี่ยวชาญ วิศวกรต้องแจ้งให้ผู้ว่าจ้าง หรือลูกค้าของตนทราบอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งแนะนำให้รู้จักผู้ที่เหมาะสมกับงานนั้น

 จรรยาบรรณ ข้อ 5

“วิศวกรคอนโดต้องสร้างชื่อเสียงในวิชาชีพจากคุณค่าของงาน และต้องไม่แข่งขันกันอย่างไม่ยุติธรรม”

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

 1. ไม่ใช้ข้อได้เปรียบหรือตำแหน่งอันมีอภิสิทธิ์ ไปแย่งงานจากผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมคนอื่นๆ
 2. ไม่แอบอ้างผลงานของวิศวกรผู้อื่นมาเป็นของตน โดยยึดหลักไว้เสมอว่างานใดที่วิศวกรผู้ใดผู้หนึ่งทำไว้จะต้องให้เกียรติถือว่าเป็นผลงานของวิศวกรผู้นั้น
 3. ไม่กระทำการใดๆ อันอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง ความก้าวหน้า หรือการปฏิบัติวิชาชีพของวิศวกรอื่น
 4. ไม่ปลอมแปลงและไม่ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับคุณสมบัติ ประสบการณ์ หรือภาระความรับผิดชอบที่ผ่านมาของตน
 5. ไม่รับทำงานหรือตรวจสอบงานชิ้นเดียวกันกับผู้ประกอบอาชีพวิศวกรรมคนอื่นทำอยู่แล้ว เว้นแต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ หรือได้แจ้งให้ผู้ประกอบการวิชาชีพวิศวกรรมนั้นทราบล่วงหน้าแล้ว
 6. ไม่รากแซงงานของวิศวกรอื่น เมื่อทราบว่างานนั้นมีวิศวกรอื่นทำงานนั้นอยู่แล้ว ยกเว้นเมื่อมีผู้ว่าจ้างได้บอกเลิกการจ้างกับวิศวกรผู้นั้นเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยแล้ว
 7. ไม่แข่งขันกับวิศวกรอื่นด้วยการตัดราคาค่าจ้างของตนให้ต่ำกว่า โดยเฉพาะเมื่อทราบอัตราค่าจ้างของผู้นั้นแล้ว
 8. ไม่ใช้อิทธิพลใดๆ ในการแข่งขันกับวิศวกรอื่น เพื่อให้ได้มาซึ่งงานนั้น
 9. ไม่เสนอสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เพื่อให้ได้งานมาทำ
 10. ไม่วิพากษ์วิจารณ์งานของวิศวกรอื่นต่อสาธารณะ เว้นแต่จะเป็นการปฏิบัติ
 11. พึงรับงานจากผู้ว่าจ้าง หรือลูกค้า โดยคำนึงถึงความเป็นอิสระเชิงวิชาชีพเป็นสำคัญ

 จรรยาบรรณ ข้อ 6

“วิศวกรคอนโดต้องรับผิดชอบต่องานและผลงานในวิชาชีพของตน”

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

 1. คำนึงอยู่เสมอว่างานทุกอย่างที่ทำไปนั้น ตนต้องรับผิดชอบตลอดอายุการใช้งานตามวัตถุประสงค์การใช้งานเดิม
 2. คำนึงอยู่เสมอว่าผลงานที่ตนจะต้องรับผิดชอบนั้น อาจจะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และสิ่งที่คาดไม่ถึงในอนาคต
 3.ติดตามผลงานจากการออกแบบ หรือการให้คำปรึกษาของตน ตลอดระยะเวลาที่ผลงานั้นยังมีการใช้งานอยู่ หากทราบว่ามีข้อบกพร่องใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ว่าจ้าง หรือลูกค้า หรือแก่สาธารณชน วิศวกรจะต้องเร่งรัดจัดการเพื่อให้มีการแก้ไข โดยไม่ต้องให้ทางเจ้าของงานมีการทักท้วงก่อน

จรรยาบรรณ ข้อ 7

“วิศวกรคอนโดต้องใช้ความรู้และความชำนาญในงานวิชาชีพอย่างซื่อตรง เพื่อผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างหรือลูกค้า ซึ่งตนปฏิบัติงานให้เสมือนเป็นตัวแทนที่ซื่อตรงหรือเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ”

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

 1. ซื่อตรงต่อผู้ว่าจ้างหรือลูกค้า เมื่อปฏิบัติทำตามหน้าที่ในฐานะที่ตนเป็นตัวแทนหรือผู้ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลเหล่านั้น
 2. แสดงสถานะของตนให้ผู้ว่าจ้างทราบก่อนที่จะรับดำเนินการ ในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้ตัดสินงานหรือสิ่งอื่นที่ตนอาจจะมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอยู่ด้วย
 3. รับผิดชอบในความเพียงพอทางเทคนิคของงานวิศวกรรม โดยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากผู้มีอำนาจเหนือกว่ามีความเห็นเป็นอย่างอื่น
 4. ไม่เปิดเผยความลับของงานที่ตนรับทำ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง
 5. ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะเป็นผู้รับเหมาหรือร่วมทุน ในการประกวดราคางานซึ่งตนเป็นวิศวกรผู้รับผิดชอบ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง
 6. ไม่รับค่าตอบแทนเป็นเงินหรือสิ่งอื่นใด จากผู้ว่าจ้างหลายรายในการให้บริการงานชิ้นเดียวกัน นอกจากจะได้รับอนุญาตจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว
 7. ไม่เรียก รับ หรือยอกรับทรัพย์สิน ของกำนัล หรือผลประโยชน์ใดๆ สำหรับตนหรือพวกพ้องของตนจากผู้รับเหมา ตัวแทนของผู้รับเหมา ผู้ขายวัสดุอุปกรณ์ หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานที่ตนรับผิดชอบอยู่
 8. แนะนำผู้ว่าจ้างของตนให้จ้างผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ว่าจ้างและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
 9. ต้องเสนอผลการศึกษาโครงการตามความเป็นจริงทุกประการ โดยไม่มีการบิดเบือนใดๆ
 10. แจ้งให้ผู้ว่าจ้างของตนทราบทันทีถึงกิจกรรมใดๆ ซึ่งตนมีส่วนได้ส่วนเสียและอาจจะเป็นคู่แข่งหรือมีผลกระทบต่อธุรกิจของผู้ว่าจ้าง และต้องไม่ยอมให้ผลประโยชน์ของธุรกิจใดๆ มีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจเกี่ยวกับงานที่ตนทำอยู่

จรรยาบรรณ ข้อ 8

“วิศวกรคอนโดพึงพัฒนาและเผยแพร่ความรู้ทางวิชาชีพของตนตลอดเวลาที่ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม  และให้ความสำคัญในการช่วยเหลือส่งเสริมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ ให้แก่วิศวกรในความดูแลของตนอย่างจริงจัง”

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณข้อนี้ วิศวกรต้อง

 1. พัฒนาตนเองในด้านความรู้และความก้าวหน้าในวิชาชีพวิศวกรรม
 2. เผยแพร่ความรู้วิชาชีพวิศวกรรม
 3. ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมวิชาชีพวิศวกรรม โดยการแลกเปลี่ยนข่าวสารความรู้และประสบการณ์กับวิศวกรอื่น
 4. สนับสนุนให้ลูกจ้างหรือผู้ใต้บังคับบัญชาในงานวิชาชีพของตนได้ศึกษาต่อ
 5. สนับสนุนนิสิตนักศึกษา ในการเพิ่มพูนความรู้ด้านวิชาชีพวิศวกรรม
 6. สนับสนุนโครงการและกิจการด้านวิศวกรรมขององค์กรวิชาชีพวิศวกรรม และสถาบันการศึกษาต่างๆ

 บทความโดย: CivilClub Team
ที่มา : cmc.co.th

เทคนิคตกแต่งบ้านและคอนโด ประหยัดเงิน

เทคนิคตกแต่งบ้านและคอนโด ประหยัดเงิน

สำหรับ วันนี้ เราก็มีเทคนิคและเคล็ดลับใหม่ ๆ มาเสนอสำหรับคนที่อยากจะปรับเปลี่ยนลุคให้กับบ้านและคอนโดของคุณโดยที่ไม่ต้องลงทุนให้เสียเงินมากมาย ก็ได้บ้านและคอนโดที่สวยเก๋ มีสไตล์มาเชยชมแล้วหล่ะค่ะ

1.ทาสีผนังใหม่

          ลงทุนเลือกซื้อสีทาภายในที่ตนเองชอบมาซักกระป๋อง แล้วเลือกวันว่าง ๆ สุดสัปดาห์ รวบรวมพลคนในครอบครัวให้มาช่วยกันลงไม้ลงมือ ทาสีห้องใหม่ ไม่เพียงแต่จะได้ห้องใหม่ ที่แปลกตาไปจากเดิม แต่ยังได้ร่วมกันทำกิจกรรมภายในครอบครัว เพียงเท่านี้ผนังของห้องเรียบ ๆ สีขาวก็จะเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ และตื่นตาตื่นใจ  รับรองได้ว่าคุ้มค่าการลงทุนอย่างแน่นอน

2.ตกแต่งห้องใหม่

          ลองดูซิว่า ตอนนี้บ้านและคอนโดของคุณนั้น มีอะไรของที่อยู่เยอะไปแล้วบ้าง มุมนั้นวางของรกเกินไปรึป่าว หรือว่ามีรูปสวย ๆ ที่ไปวางเก็บทิ้งไว้ในห้องเก็บของ ทำไมไม่ลองจัดตกแต่งใหม่ดูล่ะ โดยเลือกเอาของที่คุณมีเดิมอยู่แล้ว แค่มาเปลี่ยนมุมวาง เช่น โต๊ะเขียนหนังสือตัวเก่าที่ลูกๆของคุณไม่ใช้แล้ว ลองเอามาจัดวางในห้องรับแขก ทำเป็นมุมไว้สำหรับโชว์สิ่งของ หรือว่าภาพฝีมือลูกชายสมัยเขายังเด็กที่ยังเก็บไว้ ลองเอามาประดับตกแต่งบนผนังบ้านของคุณดูสิ รับรองได้ว่าให้ความรู้สึกย้อนความหลังได้ดีทีเดียว

3.เลือกแสงอย่างชาญฉลาด

           ลองติดตั้งตัวปรับระดับแสงให้กับสวิชไฟภายในห้องของคุณ รับรองได้ว่าจะช่วยให้เปลี่ยนความรู้สึก รวมถึงสามารถปรับแสงให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละวันและเวลาได้ด้วย  แต่ถ้าหากเป็นเรื่องยากมากจนเกินไปนัก  ลองเลือกใช้โคมไฟเก๋ ๆ มาตั้งสองข้างขนาบกับโซฟาตัวโปรดของคุณในห้องนั่งเล่นดู  หรืออาจจะเปลี่ยนที่ครอบอันใหม่ให้เรียบสวยหรู ดูมีสไตล์กว่าเดิมก็ไม่ว่ากัน

4.หมอนอิงช่วยก็ได้

             ถ้าหากว่าการลงทุนซื้อโซฟาตัวใหม่ซักตัว อาจทำให้คุณจะต้องคิดหนักในเรื่องของราคาแล้วหล่ะก็ ขอแนะนำว่าเพียงเลือกหมอนอิงลวดลายสวยเก๋ถูกใจหลาย ๆ ใบมาวางประดับลงไปบนโซฟาตัวเก่า เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ห้องใหม่ หมอนใหม่ และโซฟารูปแบบใหม่ ที่แตกต่างออกไปจากเดิมแล้วหล่ะค่ะ

5.นอนอย่างมีสไตล์

              ห้องนอนของคุณนั้นก็ต้องการ การเปลี่ยนแปลงด้วยรึเปล่า? ลองเปลี่ยนหรือหันมุมหัวเตียงใหม่ดูสิ หรือจะเลือกภาพวาดอันใหญ่มาประดับติดผนังไว้ก็ไม่เลวนะ นอกจากจะช่วยเพิ่มอะไรให้กับผนังห้องของคุณแล้ว  การเลือกตกแต่งที่ดูหนักแน่นยังช่วยทำให้ห้องของคุณดูมีแนวทางที่ชัดเจนและ มีเสน่ห์  หรือว่าอยากจะลองเลือกรูปแบบที่มันผสมผสานกันก็ไม่ว่ากัน  ตัวเตียงใหม่กับโต๊ะตัวเก่า หรือจะหัวเตียงเก่ากับโต๊ะตัวใหม่ คงแล้วแต่ใจใครจะชอบแบบไหน คงต้องเลือกกันเอาเอง

6.ลองใช้กระจกซิจ๊ะ

                หากว่าภาพวาดหรืองานศิลปะที่คุณอยากจะได้เอามาประดับห้องของคุณ มันมีราคาสูงเกินกว่างบไปหน่อย ทำไมไม่ลองหันมาเลือกใช้บานกระจกมาประดับห้องดูหล่ะ เพียงนำกระจกไปเข้ากรอบที่คุณชอบ แล้วก็มาวางเรียงประดับในห้อง อยากได้มากได้น้อยก็สามารถตกแต่งเลือกได้ตามใจตัวเอง  นอกจากจะให้ลูกเล่น และผลลัพธ์ที่แปลกตาแล้ว  ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้อย่างดีอีกด้วย

7.พิจารณาเรื่องขนาด

                 เรื่องของขนาดนั้นก็มีผลมากทีเดียวกับความรู้สึกของคน  ไม่ว่าห้องของคุณนั้นจะมีขนาดเล็กแค่ไหน แต่ถ้ามีของประดับชิ้นใหญ่ซักชิ้น รับรองได้ว่าช่วยทำให้ห้องคุณดูแกรนด์ขึ้นได้มากทีเดียว  ไม่ก็ลองเลือกภาพพิมพ์ชิ้นใหญ่ ๆ มาวางประดับผนัง หรืออาจจะเลือกงานประติมากรรมที่ชื่นตัวเองชื่นชอบซักชิ้นก็ไม่ว่ากัน

8.ของเก่าทำใหม่

                  แม้จะเป็นเก้าอี้ตัวเก่าที่เริ่มจะออกสีเหลือง ๆ แล้ว แต่โครงไม้ที่มันสวยงามนั้น คงทำให้ทิ้งมันไม่ลงใชไหม  ทำไมไม่ลองนำเอาเฟอร์นิเจอร์เก่าที่มีนั้น ไปปรับซ่อมหรือเปลี่ยนเบาะใหม่  แล้วก็ลงมือทาสีซะใหม่ เพียงเท่านี้เก้าอี้ตัวเก่งของคุณก็จะดูใหม่และเก๋เหมาะกับห้องของคุณ

9.จัดการกับหน้าต่างของคุณ

                  ลองเลือกเปลี่ยนผ้าม่านที่เหมาะกับหน้าต่างและห้องของคุณ  บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่ว่าผ้าม่านนั่นเป็นตัวกรองแสงที่จะเข้ามาภายในห้อง รวมไปถึงรูปแบบและลวดลายของผ้าม่านยังสามารถแสดงรสนิยมและบุคลิกของเจ้าของห้องได้อีกด้วย  หรือทำไมไม่ลองเปลี่ยนผ้าม่านห้องนั่งเล่นของคุณดูหล่ะ เพียงเท่านี้ห้องคุณก็จะเปลี่ยนไปอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

10.สร้างสรรค์ผลงานให้บ้านด้วยตัวเอง

                  หลังจากเลือกสรรหางานศิลปะสวย ๆ เพื่อมาประดับห้องอยู่นาน  อาจไม่พบที่ถูกใจหรือว่ามีราคาแพงเกินไป  ทำไมไม่ลองมาสร้างสรรค์ผลงานเองดูหล่ะ  อาจจะทำแบบง่าย ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบวาดรูป โดยหารูปในนิตยสารที่ชอบ มาแปะซ้อนทับกัน ตกแต่งสร้างภาพขึ้นเองใหม่ แล้วใส่กรอบ  หรือใครคนไหนมีฝีมือ ก็อวดโฉมได้เต็มที่ เพียงเท่านี้  เทคนิคง่าย ๆ เราก็สามารถตกแต่งบ้านสวยราคาประหยัดกันได้แล้วหล่ะค่ะ

ที่มา : cmc.co.th
คอนโดโครงการใหม่ ติดตามได้ที่  : http://home.sanook.com/6559/

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แต่งห้องคอนโดขนาดเล็กอย่างไรไม่ให้ดูอึดอัด

แต่งคอนโดห้องเล็กอย่างไรไม่ให้ดูอึดอัด


1. ผสมผสานการจัดวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเตี้ยและสูง
หัวใจหลักสำคัญของการอยู่ให้สบายในห้องเล็ก ๆ ของคอนโด ก้คือต้องทำบรรยากาศของห้องให้ไม่เหมือนว่ากำลังอยู่ในกล่อง เฟอร์นิเจอร์ชิ้นสูงใหญ่ มันจะทำให้ห้องของคุณดูแคบลงไปเลย ส่วนเฟอร์นิเจอร์ขนาดชิ้นเล็ก ๆ เตี้ย ๆ ก็อาจทำให้รู้สึกว่าอยู่ในห้องที่มันผิดส่วนผิดขนาดได้ แต่ถ้าหากลองนำมันมาจัดวางรวมกันอย่างพอดี ๆ และเหมาสมกับตำแหน่ง ก็จะช่วยถ่วงสมดุลกันได้ และอาจให้ความรู้สึกที่ว่าห้องนั้นดูไม่คับแคบด้วย

2. ใช้โทนสีตัดกันเพื่อสร้างความรู้สึก
ในห้องที่มีขนาดเล็ก ๆ นั้น ไม่อาจจัดตกแต่งด้วยของประดับมากมายหลายชิ้นได้ เพราะจะทำให้ห้องดูหนักมากเกินไป ทดแทนรายละเอียดที่ไม่สามารถใส่ลงไปได้เหล่านั้น ด้วยการเลือกใช้ลวดลายของผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก ๆ ลงไปที่ตัดกับสีสันของห้อง อย่างเช่น บานประตูสีเหลืองสดกับห้องสีขาว หรือลวดลายสีสันแนวกราฟฟิกบนผนังก็ทำให้ห้องเล็ก ๆ ดูคูลขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องอาศัยการจัดตกแต่งอื่น ๆ เพิ่มเลย

3. เลือกใช้เก้าอี้แบบไม่มีที่วางแขน
เก้าอี้แบบไม่มีที่วางแขนนั้นจะเหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก ๆ เป็นที่สุด เพราะมันจะทำให้คุณลุกและนั่งสะดวกไม่ติดขัด ดูโปร่งกว่า ไม่เกะกะสายตา และยังสามารถกลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ได้ดี เมื่อยกย้ายตำแหน่งไปที่บริเวณต่าง ๆ ของห้องด้วย

4. เตียงคิงไซส์
ข้อนี้อ่านแล้วอาจจะเกิดนึกสงสัยว่า ถ้าห้องขนาดเล็กแล้ว ทำไมถึงแนะนำให้ใช้เตียงที่เป็นขนาดใหญ่ นั่นก็เพราะว่า แม้ห้องจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องเลือกใช้แต่ของที่มันไซส์มินิเสมอไป แต่การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ขนาดใหญ่บางชิ้น ก็สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับห้องได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นการพักผ่อนที่แสนสบายภายในห้องของคุณนั้น ก็คือสิ่งที่คุณควรจะได้ไม่ว่าห้องจะเล็กแค่ไหน การเลือกเตียงใหญ่ ๆ ที่นอนได้สบาย และจัดวางให้เว้นออกจากผนังสักนิด สร้างพื้นที่การพักผ่อนที่ใคร ๆ ก็ต้องอิจฉาขึ้นมาในห้องแสนสุขของคุณ

5. สร้างพื้นที่ใช้งานที่โดดเด่น
ในห้องที่มีขนาดเล็ก ๆ โล่ง ๆ หากปล่อยให้พื้นที่ส่วนต่างๆไหลมาเชื่อมกันหมดก็จะดูจืดชืดจนเกินไป คุณเองก็สามารถสร้างพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์เฉพาะด้านได้ด้วยการใช้พรมปูพื้น เพื่อเป็นการแบ่งสัดส่วนการใช้งานขอห้อง อย่างเช่น พรมผืนใหญ่โต ๆ ที่บริเวณหน้าทีวี หรือที่มุมอ่านหนังสือ นอกจากจะทำให้พื้นที่ใช้งานตรงนั้นโดดเด่นขึ้นมา ห้องคุณจะไม่ดูจืดชืดแล้ว ยังดูเป็นสัดส่วนดี และไม่คับแคบเหมือนการแบ่งพื้นที่ใช้งานด้วยตู้ หรือชั้นวางของด้วย

6. ติดผ้าม่านจากเพดานลงมา
ปกติเรามักจะติดตั้งรางผ้าม่านกันที่เหนือขอบของหน้าต่างคอนโด แต่ถ้าหากเป็นห้องเล็ก ๆ และอยากที่จะต้องการหลอกตาให้ห้องดูใหญ่ขึ้นล่ะก็ ลองมาเปลี่ยนไปติดรางผ้าม่านที่ตรงมุมสุดผนังชิดเพดานดู ผ้าม่านที่ทิ้งตัวเต็มผนังจากเพดานลงมา จะทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีหน้าต่างบานสูงใหญ่ ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นได้
7. ติดตั้งชั้นวางของให้เหนือแพนทรีเตรียมอาหาร
โดยปกติแล้ว พื้นที่คอนโดเหนือแพนทรี มักจะกลายเป็นส่วนของตู้ลอยตัว เพื่อใช้เก็บจานชามและอาหารแห้งต่าง ๆ แต่ประตูบานตู้ก็ชวนให้รู้สึกอึดอัดและคับแคบได้ หากจะลองเปลี่ยนติดตั้งเป็นชั้นเปลือยแทน ก็จะทำให้ดูโปร่งโล่งตาขึ้น และยังใช้วางข้าวของได้เช่นเดิม

8. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ทรงกลมมน
เปลี่ยนจากการใช้เฟอร์นิเจอร์รูปเหลี่ยม หรือมีมุมเหลี่ยม เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นทรงกลม ทรงรี หรือแบบมีปลายโค้งมนแทน ก็จะช่วยลดทอนความรู้สึกเหมือนอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมได้ และยังให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม ไม่แข็งทื่อจนเกินไปอีกด้วย

9. ใช้เส้นลายทางเพิ่มความยาว
เพิ่มความยาวให้ห้องดูยืดออกไป ด้วยการการใช้เส้นสายในแนวยาว อย่างลวดลายแนวยาวที่ฝ้าเพดานหรือบนพื้นห้อง ทำให้ห้องดูสูงโปร่ง โล่งสบาย ไม่อึดอัดมากนัก

10. ใช้ประตูและหน้าบานกระจก
อย่างที่กล่าวไว้ว่าหน้าบานมักทำให้ห้องรู้สึกทึบตัน ถ้าอย่างนั้นลองมาเปลี่ยนเป็นหน้าบานกระจก ไม่ว่าจะเป็นหน้าบานของตู้เก็บของ หรือประตูของส่วนวอล์ค-อิน โคลเซ็ท เมื่อพื้นที่แคบ ๆ ได้แสงสว่างส่องทั่วถึง และห้องมีประกายความแวววาวจากเงาสะท้อนของกระจก ก็ช่วยให้ห้องนั้นรู้สึกโปร่งโล่งขึ้นได้ดีทีเดียว ใครที่เป็นเจ้าของห้องเล็ก ๆ และอยากจะทำให้มันดูโปร่งโล่ง อยู่สบายขึ้น อย่าลืมนำไปใช้กันคอนโดของคุณดูนะครับ


ที่มา: กระปุกดอทคอม
ติดตามข่าวสาร คอนโดโครงการใหม่ ได้ที่นี่ http://home.sanook.com/6559/